สถานการณ์การเมืองหากไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองใด ๆ ในช่วงเวลานี้ และรัฐสภาสามารถอยู่จนครบวาระ ๔ ปีในเดือนมีนาคม ๒๕๖๖ ก็จะเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่ ถึงเวลานั้นก็จะเห็นความเคลื่อนไหวของ ส.ส. ว่าจะยังอยู่กับพรรคเดิมหรือเป็นเห็บหมัดกระโดดไปเกาะพรรคการเมืองอื่นที่คิดว่าน่าจะมีอนาคตกว่า ถ้ารัฐบาลปัจจุบันอยู่ครบเทอม การเลือกตั้งน่าจะเกิดขึ้นราวเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายน ๒๕๖๖ การเลือกตั้งครั้งหน้ายุทธศาสตร์ของแต่ละพรรคการเมืองก็จะเปลี่ยนไปตามกระบวนการเลือกตั้งได้เปลี่ยนไปจากเดิม คือ ใช้บัตรเลือกตั้ง ๒ ใบ (เลือกคนที่รักและเลือกพรรคที่ชอบ) คะแนนรวมปาร์ตี้ลิสต์จะใช้วิธีหาร ๑๐๐ ไม่ใช่หาร ๕๐๐ บางพรรคการเมืองถึงกับมั่นใจว่าจะสามารถได้ ส.ส.แบบแลนด์สไลด์เลยทีเดียว
เมื่อกติกาการเลือกตั้งออกมาในลักษณะนี้ ก็มีการวิเคราะห์กันว่า อาจทำให้พรรคการเมืองขนาดกลางและขนาดเล็กเสียเปรียบ อีกทั้งจำนวนเขตที่เพิ่มมากขึ้น จะส่งผลให้พรรคการเมืองขนาดเล็กอาจถึงคราวต้องสูญพันธุ์หรือได้ ส.ส.น้อยไปจากเดิม เพราะคำว่า “ส.ส.พึงมี” แบบการเลือกตั้งปี ๒๕๖๒ ไม่มีแล้ว จึงเชื่อกันว่าบรรดา ส.ส.พรรคเล็กเหล่านี้จะยุบพรรคตัวเองแล้วไปร่วมกับพรรคการเมืองใหญ่ที่มีแนวทางการเมืองตรงกัน และหากสามารถได้เข้าไปอยู่กับพรรคที่มีทุนหนา ก็จะไม่ต้องเหนื่อยแรงในตอนหาเสียงมากนัก เพราะการเลือกตั้งแต่ละครั้งแม้จะดำเนินการตามกติกา ก็ยังต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อย
การเลือกตั้งแต่ละครั้งที่ผ่านมา แต่ละพรรคการเมืองจะพยายามโน้มน้าวจูงใจประชาชนด้วยนโยบายประชานิยมเลิศหรู หลังเลือกตั้งเมื่อสามารถร่วมเป็นฝ่ายบริหารแล้ว ก็ทำได้บ้าง ทำไม่ได้บ้าง ที่สำคัญหลายรัฐบาลที่ผ่านมา ไม่ว่ารัฐบาลที่มาจากแนวทางประชาธิปไตยผ่านระบบการเลือกตั้ง หรือรัฐบาลที่มาจากเผด็จการทหาร ก็มักมีข่าวการทุจริตประพฤติมิชอบ จนนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ นำหลักฐานมาแฉให้ประชาชนได้รู้เช่นเห็นชาติบรรดานักโกงบ้านกินเมืองเหล่านี้ จากนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ทั้งจากประชาชนลุกฮือขึ้นมาขับไล่ ทั้งจากกำลังทหารออกมายึดอำนาจโดยอ้างเหตุนักการเมืองทุจริต วนเวียนให้เห็นมิรู้จบ
ความล้มเหลวของชาติบ้านเมืองที่ผ่านมาในหลายยุคสมัย มักชี้นิ้วไปที่ “นักการเมือง” ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้การพัฒนาในทุกองคาพยพไม่เดินหน้า เนื่องจากนักการเมืองไร้คุณภาพแต่มีเงินหนาได้มีโอกาสเข้าไปเชิดหน้าเป็นตัวแทนประชาชนในสภาอันทรงเกียรติ หว่านเงินซื้อเสียงได้เป็น ส.ส. แล้วไปหาทุนคืน ต้นทางที่จะสามารถสกัดนักการเมืองไร้คุณภาพเหล่านี้คือ “คณะกรรมการการเลือกตั้ง” (กกต.) ต้องเข้มงวดและเข้มแข็งกว่าที่ผ่านมา ต้องมีมาตรการจัดการและกำหนดบทลงโทษสถานหนักแก่นักธุรกิจการเมืองเหล่านี้ ขณะเดียวกันต้องปลูกฝังให้เยาวชนให้รู้จักแนวทางประชาธิปไตยอย่างถูกต้อง ให้รู้สึกเกลียดชังการซื้อสิทธิ์ขายเสียงตั้งแต่เล็ก ที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นระบบศึกษาไทยเริ่มสนใจประเด็นนี้อย่างจริงจังเลยสักครั้ง.