


บทเรียนเลือด ส.ต.อ.คลั่งฆ่าเด็ก-ชาวบ้านที่ จ.หนองบัวลำภู
สะท้อนสภาพจิตใจมีอาวุธในครอบครอง+ปัญหายาเสพติด
จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญเกิดขึ้นที่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลอุทัยสวรรค์ ในความดูแลของ อบต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู และบริเวณใกล้เคียง เมื่อช่วงหลังเที่ยงวันของวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๕ โดย ส.ต.อ.ปัญญา คำราบ อดีตตำรวจที่ถูกให้ออกจากราชการเพราะเป็น
ผู้ต้องหาคดียาเสพติดเมื่อกลางปีที่ผ่านมา บุกเข้าไปกราดยิงและใช้มีดอีโต้ฟันเด็กเล็ก ๆ ที่ยัง
ไร้เดียงสาและชาวบ้านตายไปเกือบ ๔๐ ศพ บาดเจ็บสาหัสและไม่สาหัสอีกจำนวนหนึ่ง เชื่อว่า
มีสาเหตุมาจากความเครียดและการเสพยาเสพติดจนเกิดอาการหลอน
หลังก่อเหตุ ส.ต.อ.ปัญญา ได้กลับไปบ้านยิงภรรยา-บุตรของตัวเองเสียชีวิต และยิงตัวเองตายตกไปตามกัน
เหตุการณ์นี้มองเห็นถึงความเหี้ยมโหดอำมหิตของอดีตตำรวจนายนี้ที่ใช้อาวุธปืนและมีดอีโต้ไปทำร้ายบุคคลอื่นที่ล้วนไม่เคยมีเหตุบาดหมางกันมาก่อน เหนืออื่นใดได้สะท้อนให้เห็นว่าอาวุธปืนที่อดีตตำรวจนายนี้เคยฝึกปรือการใช้มาอย่างช่ำชอง เมื่อนำมาประกอบอาชญากรรมในลักษณะนี้ ยิ่งมีความรุนแรง
ย้อนไปเมื่อครั้งมีเหตุกราดยิงที่ จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา ทหารสังกัดกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ ๒๒ กองบัญชาการช่วยรบที่ ๒
ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ จ.นครราชสีมา ใช้อาวุธปืนยิงผู้บังคับบัญชาและญาติถึงแก่ความตาย แล้ว
หลบหนีเข้าไปในตัวเมือง กราดยิงผู้คนตามรายทางตายหลายศพ ก่อนเข้าไปหลบซ่อนตัวหลบอยู่ในห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล ๒๑ ใจกลางเมืองนครราชสีมา จับบุคคลในห้างเป็นตัวประกันและถ่ายทอดสดตนเองขณะก่อเหตุลงเฟซบุ๊ก จนถูกเจ้าหน้าที่กระทำวิสามัญฆาตกรรมในเช้าวันถัดมา เหตุการณ์นั้นมีผู้เสียชีวิต ๓๑ คน บาดเจ็บ ๕๘ คน บาดเจ็บสาหัส ๕ คน
๒ เหตุการณ์สะเทือนขวัญห่างกันแค่ ๒ ปีเศษ ผู้ก่อเหตุเป็น “ทหาร” และ “ตำรวจ”
ที่สามารถมีและใช้อาวุธปืน
วันนี้หน่วยงานตำรวจและทหารคงต้องร่วมกันคิดทบทวนถึงบุคคลในองค์กรที่สามารถ
มีและพกพาอาวุธ ทั้งยังได้รับการฝึกใช้อาวุธอย่างช่ำชอง เมื่อไปก่ออาชญากรรม จะก็มักจะรุนแรงหนักหน่วงกว่าบุคคลทั่วไป
การฝึกหรือการใช้อาวุธให้กับคนที่เราไม่ได้ตรวจสอบสภาพจิตว่าเขามีความผิดปกติอยู่
ในใจหรือไม่ จึงยากที่จะคาดการณ์ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
คนที่ได้รับการฝึกอาวุธไม่ว่าจากหน่วยงานไหนก็ตาม ควรต้องมีขั้นตอนการตรวจสุขภาพจิต เชิญจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยามาทดสอบจิตใจ หรือนิมนต์พระนักเทศน์มาอบรมบ่มนิสัยหรือขัดเกลาจิตใจให้ฝักใฝ่ไปในทางที่ดี มีเมตตา ทำอะไรต้องใช้สติคิดรอบคอบ คนเราถ้าได้ธรรมะแทรกซึมเข้าไปในจิตใจก็จะช่วยให้คิดดีทำดี นอกเสียจากจะมีอาการทางจิตหนักหนาสาหัสก็ต้องนำไปบำบัดรักษา อย่าให้มีอาวุธติดกายเป็นอันขาด
จากข่าวทราบว่า ส.ต.อ.ปัญญา คำราบ มีประวัติติดยาเสพติดมาตั้งแต่เรียนในระดับมัธยมศึกษา จึงมองได้ว่าสังคมบกพร่องในด้านการช่วยกันตรวจสอบ ตอนที่เขาเข้ารับราชการตำรวจควรจะมีการตรวจสอบประวัติย้อนหลังอย่างละเอียด เพราะเมื่อได้เข้ารับราชการเป็นตำรวจแล้วต้องถืออาวุธปืนในการปฏิบัติหน้าที่ จึงเป็นเรื่องอันตรายมากถ้าไม่คัดเลือกกลั่นกรองบุคคลที่จะเป็นตำรวจให้ดี ๆ เรื่องของจิตใจเป็นปัญหาอยู่ภายใน มองเพียงภายนอกไม่สามารถคาดคะเนได้
คนที่มีใจอำมหิตสามารถฆ่าคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับตนเองได้ ฆ่าได้แม้กระทั่งเด็กเล็ก
ไร้เดียงสา สภาพจิตใจคงจะเสื่อมทรามชนิดพิเศษจริง ๆ ถ้าได้รับการตรวจจากแพทย์ที่มี
ความเชี่ยวชาญปัญหาทางจิต ก็จะทราบได้ว่าคน ๆ นี้มีจิตใจไม่ปกติ ผิดมนุษย์ทั่วไปจริง ๆ
กรณีเกิดขึ้นที่ จ.หนองบัวลำภู คราวนี้ ไม่เพียงแต่คนไทยที่รู้สึกสะเทือนใจ แต่เป็นข่าวสะเทือนขวัญไปทั่วโลก ใครทราบข่าวก็รู้สึกสงสารเหยื่อที่ถูกสังหารตลอดจนครอบครัวผู้สูญเสีย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระราชินี เมื่อทรงทราบ ก็เสด็จฯไป
ทรงปลอบขวัญ พระราชทานกำลังใจถึงโรงพยาบาลในพื้นที่เกิดเหตุ ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองตั้งแต่นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ข้าราชการในพื้นที่ ตลอดจนประชาชนทั่วประเทศก็แสดงความเห็นใจในชะตากรรม รุดไปช่วยเหลือเกื้อกูล ช่วยซับน้ำตาให้แก่ครอบครัวเหยื่อ
ได้คลายจากความเศร้าโศก
แต่ก็น่าแปลก !! มีคนบางคนและคนบางกลุ่มกลับหาเรื่องแซะและเหยียดหยันในทำนองว่าคนที่ไปให้การช่วยเหลือ “ไปทำไม ไปให้เป็นภาระ” โดยเฉพาะแร็ปเปอร์สาววัยรุ่นที่ชื่อ “มิลลิ”
น.ส.ดนุภา คณาธีรกุล อายุ ๒๐ ปี ซึ่งมี FC ติดตามจำนวนมากได้โพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสม
ลงในไอจีของตัวเอง ซึ่งข้อความที่แร็ปเปอร์สาวโพสต์มีผู้ไม่เห็นด้วยจำนวนมาก เพราะวัยรุ่นคนนี้มือไม่พายแต่เอาเท้าราน้ำ
ประกาศแบนมิลลิ และแบนสินค้าทุกชนิดที่มิลลิเป็นพรีเซ็นเตอร์ แม้ว่าหลังจากนั้นมิลลิจะออกมาขอโทษ แต่ถ้อยคำที่ขอโทษถูกมองว่าไม่ได้ขอโทษอย่างจริงใจและไม่ใช่คำขอโทษที่ออกมาจากใจจริง
แร็ปเปอร์สาวรายนี้ไม่ทราบว่าใครเป็นพ่อแม่ สงสัยว่าเคยได้รับการอบรมสั่งสอนให้มีเมตตาสงสารผู้ตกทุกข์ได้ยากบ้างหรือไม่ น่าจะเชิญตัวมาอบรมให้รู้จักมองโลกในแง่ดีกันบ้าง
คนที่เดินทางไปเยี่ยมครอบครัวผู้สูญเสียถึง จ.หนองบัวลำภู แสดงให้เห็นว่าเขาเห็น
ความสำคัญของปัญหาที่เกิดขึ้น ไปซับน้ำตาให้กำลังใจ ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับครอบครัว
“มิลลิ” หรือคนที่เห็นดีเห็นงามกับมิลลิบ้าง จะรู้สึกอย่างไร ดูเหมือนว่าเด็กก้าวร้าวอย่างนี้ต้องการทำตัวให้เป็นข่าวดังในชั่วข้ามคืน โดยไม่สนใจสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา ดังแล้วก็ต้องการให้ดังอีก
ดูเหมือนว่าขณะนี้กระแสตีกลับอย่างรุนแรง น่าจะดับมากกว่าดัง
ที่ไม่ควรมองข้ามคือปัญหายาเสพติดที่น่าจะมีส่วนสำคัญให้อดีตตำรวจผู้นี้กล้าลงมือสังหารเด็กและคนที่ไม่เคยโกรธเคืองกันมาก่อน สังเกตได้ว่ายาเสพติดโดยเฉพาะ “ยาบ้า” ซึ่งเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐ ทำไมจึงปล่อยให้ยาเสพติดเช่น ยาบ้า ยาอี ยาไอซ์ เฮโรอิน ฯลฯ หลากหลายชนิดทะลักเข้าประเทศได้คราวละนับแสนนับล้านเม็ดหรือหลายร้อยหลายพันกิโลกรัม
ยาบ้าจากเคยจำหน่ายกันเม็ดละ ๒๐๐ – ๓๐๐ บาท ขณะนี้ทราบว่าเหลือเพียงเม็ดละ
๑๐ – ๑๕ บาทเท่านั้น หาซื้อง่ายยิ่งกว่าซื้อขนมนมเนยจากร้านสะดวกซื้อข้างถนน
ถ้าจับได้ว่าเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมีเอี่ยวกับขบวนการนี้ควรจะลงโทษในสถานหนัก มีความลำบากยากเย็นในการขอพระราชทานอภัยโทษ ถ้าถูกโทษประหารก็ต้องประหารจริง โทษจำคุกก็ต้องติดให้ครบกำหนดตามคำพิพากษา กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม อย่าอ้างว่าต้องระบายผู้ต้องขังออกจากเรือนจำเพราะผู้ต้องขังล้นคุก คุกไม่พอก็สร้างใหม่ให้พอ ถ้าติดคุกไม่นานแล้วได้ออกมาลอยนวล โอกาสที่จะให้ยาเสพติดหายไปจากประเทศนี้ก็คงจะลำบากยากยิ่ง
ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐไม่มีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับขบวนการยาเสพติดและตั้งหน้าตั้งตาปราบปรามอย่างจริงจัง เชื่อว่ายาเสพติดทะลักเข้ามายาก ปัญหายาเสพติดที่ปราบไม่อยู่หมัดมันมีหลายฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งนายทุน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ที่มีหน้าที่ป้องกันปราบปรามแต่รู้เห็นเป็นใจ เพราะหลายเหตุการณ์จะเกี่ยวพันกับการเปิดทางของตำรวจหรือทหารที่เรียกสินบาทคาดสินบน มันเป็นอย่างนี้ จะปราบให้หมดได้อย่างไร
เหตุสะเทือนขวัญสังหารหมู่เกิดให้เห็นเป็นข่าวบ่อยครั้ง สหรัฐอเมริกา เป็นประเทศหนึ่งที่เกิดเหตุกราดยิงที่โรงเรียนประถมหลายครั้ง ครั้งหนึ่งในรัฐเท็กซัส มีนักเรียนเสียชีวิตถึง ๑๙ คน และครู ๒ คน ข้อมูลจาก Gun Violence Archive ระบุว่า ในปีนี้ (ค.ศ.๒๐๒๒) มีเหตุกราดยิงในสหรัฐฯแล้วกว่า ๒๐๐ ครั้ง ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของสหรัฐฯระบุว่า เมื่อปี ค.ศ.๒๐๒๐ หรือเมื่อ ๒ ปีก่อน มีผู้เสียชีวิตจากอาวุธปืนรวมทั้งการฆ่าตัวตายในสหรัฐฯกว่า ๔๕,๐๐๐ คน
ประเทศแคนาดา ออกกฎหมายกำหนดให้มีการอบรมหลักสูตรความปลอดภัย การตรวจประวัติและเพิ่มบทลงโทษอาชญากรรมที่เกี่ยวกับการใช้ปืนบางประเภท โดยมีการออกกฎหมายหลังเกิดเหตุกราดยิงที่วิทยาลัย École Polytechnique ในเมืองมอนทรีออล เป็นเหตุให้มีนักศึกษาหญิง ๑๔ คนเสียชีวิต เมื่อปี ค.ศ.๑๙๘๙ ต่อมาในปี ค.ศ.๒๐๒๐ เกิดเหตุกราดยิงในรัฐโนวาสโกเชีย
เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ๑๓ คน
ประเทศออสเตรเลีย หลังเกิดเหตุกราดยิงที่เมืองพอร์ท อาร์เธอร์ รัฐแทสเมเนีย จนมีผู้
เสียชีวิต ๓๕ คน เมื่อปี ค.ศ.๑๙๙๖ ออสเตรเลียสั่งห้ามครอบครองปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ ปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติ และปืนลูกซองแบบ “ปั๊มแอ็คชั่น” ทุกประเภท
ประเทศอังกฤษ มีเหตุกราดยิงสังหารเด็กนักเรียน ๑๖ คน และครู ๑ คนในเมืองดันเบลนด์ของสกอตแลนด์ เมื่อปี ค.ศ.๑๙๙๖ จุดชนวนให้มีการรณรงค์ครั้งใหญ่ จนอังกฤษออกกฎหมายควบคุมปืนที่เข้มงวดที่สุดฉบับหนึ่งของโลก โดยภายในสองปีหลังจากนั้น อังกฤษได้ออกกฎหมายห้ามพลเมืองครอบครองปืนพก
ประเทศนิวซีแลนด์ ผู้นำนิวซีแลนด์ประกาศห้ามจำหน่ายอาวุธจู่โจมไม่กี่วันหลังเกิดเหตุ
กราดยิงมัสยิดในเมืองไครสต์เชิร์ช มีผู้เสียชีวิต ๕๐ คน เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ.๒๐๑๙ หลังจากนั้นไม่นาน รัฐสภาเห็นชอบให้มีการห้ามซื้อขายเปลี่ยนมือและห้ามใช้อาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติ
ส่วนประกอบดัดแปลงอาวุธปืนให้กลายเป็นอาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติ ซองปืนที่บรรจุลูกปืนได้ระดับหนึ่งและปืนสั้นบางประเภท
ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทำท่าขึงขังจริงจัง ประกาศนโยบายปราบปรามยาเสพติดและการระวังป้องกันเด็กเล็กและนักเรียนมิให้ถูกทำร้าย ก็ขอให้จริงสักเรื่องหนึ่งเถอะ
การปฏิรูปตำรวจพูดกันมาหลายปี รัฐบาลไม่ใส่ใจ รู้ทั้งรู้วงการตำรวจเต็มไปด้วย
ผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ตำรวจดี ๆ มีอยู่มากมายทั่วประเทศทดท้อหมดกำลังใจในชีวิตราชการ บางคนได้รับความกดดันถึงกับฆ่าตัวตายไปแล้วก็มีไม่น้อย
ถ้าท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังอยู่ต่อ แล้วยังไม่สามารถทำอะไรให้ดีขึ้นเป็น
รูปธรรม ท่านก็สมควรลาออกไป
๘ ปีก็นานเกินเพียงพอสำหรับท่านแล้ว.