‘คุณหญิงพจมาน’ ปรากฏกายที่เชียงใหม่ ส่งสัญญาณ ‘เพื่อไทย’ ลั่นกลองรบ ‘ลุงป้อม’ พูดไม่ระวังปาก พร้อมฮั้ว ‘ร.อ.ธรรมนัส’ ไม่รักษาน้ำใจ ‘น้องตู่’!!

การปรากฏตัวของ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ (ชินวัตร) เมื่อวันที่พรรคเพื่อไทยไปพบปะและขึ้นเวทีกล่าวคำปราศรัยต่อพ่อแม่พี่น้องที่เชียงใหม่ ถือได้ว่าเป็นการอุ่นเครื่องครั้งสำคัญในช่วงเริ่มรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. ในดินแดนบ้านเกิดของ นายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นอดีตสามีของคุณหญิง

เป็นที่รู้กันว่า นายทักษิณ กับ คุณหญิงพจมาน ได้จดทะเบียนหย่ากันเมื่อหลายปีก่อนแต่การหย่าเป็นเพียงนิติกรรมหรือแค่พิธีกรรม ไม่มีใครเชื่อว่าทั้งสองหย่าขาดจากกันจริง เพราะฝ่ายหนึ่งเมื่อต้องหลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศแล้ว การดำเนินธุรกรรมต่าง ๆ หากไม่มีคู่สมรสผูกพันก็จะทำได้อย่างสะดวก

ในอีกมุมมองหนึ่ง การปรากฏตัวของคุณหญิงพจมาน มองได้ว่ากระแสของ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ผู้เป็นบุตรสาว ที่กำลังทำหน้าที่เป็น “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย” ยังไม่โดดเด่นหรือเป็นที่ประทับใจเพียงพอที่จะนำ “พรรคเพื่อไทย” ในห้วงเวลานี้ได้ เนื่องจาก อุ๊งอิ๊งยังเด็กเกินไป อ่อนประสบการณ์ทางการเมือง บรรดานักการเมืองในพรรคก็ล้วนเสือสิงห์กระทิงแรด การให้เด็กมาคุมทีมพรรคการเมืองใหญ่ในห้วงเวลาสำคัญโดยไม่มีคุณพ่อมาอยู่ข้าง ๆ คงเป็นไปไม่ได้

เรื่องเกรงใจนายทักษิณก็ส่วนหนึ่ง แต่เรื่องการนำพาพรรคให้ไปสู่เป้าหมายเป็นเรื่องที่ประมาทไม่ได้ สำนักโพลที่บอกว่าอุ๊งอิ๊งได้รับความนิยมมากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยังเชื่อถือนักไม่ได้ เพราะการทำโพลของแต่ละสำนักก็มีวิธีการไม่เหมือนกัน การตั้งคำถาม การสุ่มถามไปยังกลุ่มคนหลากหลายก็ยังมีปัญหาว่าเป็นไปตามหลักวิชาจริงหรือไม่ เพราะบางสำนักโพลก็บอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้รับความนิยมมาเป็นอันดับ ๑

ประกอบกับช่วงนี้มีนักการเมืองของพรรคเพื่อไทยทยอยออกไปสังกัดพรรคอื่น เพราะไม่แน่ใจว่าเด็กที่ไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมืองมาเป็นหัวหน้าครอบครัว มาเป็นแกนนำพรรคจะสามารถนำพาพรรคไปได้รอดหรือไม่

คุณหญิงพจมานใคร ๆ ก็ทราบดีว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังพรรคการเมืองสัญลักษณ์เสื้อแดง มาโดยตลอด ตั้งแต่ พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และ พรรคเพื่อไทย มีเงินมากมายมหาศาล การ์ตูนก็เอาไปล้อว่าคุณหญิงพจนมานเหมือน “ตู้เอทีเอ็ม” ของพรรค ซึ่งก็ไม่สามารถแปลเป็นอื่นไปได้ เพราะทรัพย์สินที่นายทักษิณทำไว้ ทั้งด้านธุรกิจโทรคมนาคม และอื่น ๆ มีนับหมื่นนับแสนล้านบาท ใคร ๆ ก็อยากวิ่งเข้าไปอยู่ใต้ร่มไม้ชายคาของพรรคนี้

ที่สำคัญทั้ง นายพานทองแท้ ชินวัตร (โอ๊ค) และ .ส.แพทองธาร ชินวัตร (อุ๊งอิ๊ง) ก็เป็นลูกในไส้ คราวนี้ทั้งคู่มีทีท่าว่าจะลงสนามการเลือกตั้งจริง หากลงสมัครแบบเขตเลือกตั้งแล้วสอบตก ย่อมเสียหน้าและเสียศักดิ์ศรีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบทบาทของอุ๊งอิ๊งที่ผ่านมาคือคำตอบว่าคุณพ่อคุณแม่ให้การสนับสนุนหรือไม่

คุณหญิงคงจะดูแล้วว่าหากลงเลือกตั้งต้องไม่ให้สอบตก แต่จะลงเขตเลือกตั้งหรือแบบบัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) ก็ยังไม่ชัดเจนว่าทายาทของนายทักษิณจะลงแบบไหน

แต่การอยู่ในบัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิสต์ ศักดิ์ศรีของความเป็น ส.ส.ก็ดูเหมือนจะไม่ภูมิใจเท่ากับได้เป็น ส.ส.เขต ที่ได้คะแนนจากประชาชนในพื้นที่โดยตรง

ถ้า “อุ๊งอิ๊ง” และ “โอ๊ค” ไปลงสนามเลือกตั้งที่ .เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนายทักษิณโอกาสที่จะได้รับเลือกก็แทบจะนอนมา ต้องไม่ลืมว่านายทักษิณแม้จะหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศก็ยังสามารถสั่งการมายังพลพรรคที่อยู่ในประเทศไทยได้ตลอดเวลา

เวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทยที่ตระเวนไปหลายจังหวัด มี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ ขุนพลคนสำคัญของพรรคก็ไปกันพร้อมหน้า แต่ทุกเวทีนายณัฐวุฒิก็มักจะชี้ไปที่อุ๊งอิ๊งแล้วพูดว่า “นี่คือว่าที่นายกรัฐมนตรีคนต่อไป” ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนปัจจุบัน นั่งเหงาหงอย คอยพินอบพิเทา

ศักดิ์ศรีของคุณหมอชลน่านในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรค ก็น่าจะเป็นแคนดิเดตตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเหมือนพรรคการเมืองอื่น แต่โครงสร้างส่วนบนของพรรคเพื่อไทยมีหลายชั้น ตั้งแต่ “หัวหน้าพรรค” มี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว เป็นหัวหน้า, “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย” มี .ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้า, “ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย” มี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นผู้อำนวยการ

ในท้ายที่สุดก็คงเป็น “ลูกสาวนายใหญ่” ที่ใหญ่ที่สุดของพรรคการเมืองนี้ !!

โดยบุคลิกของนายณัฐวุฒิแล้วเป็นนักพูดนักโต้วาที เวลาจับไมค์แล้วก็ออกลีลาท่าทางขึงขังจริงจังเหมือนกำลังแข่งโต้คารมมัธยมศึกษา พูดมีลูกเล่น พูดให้สะใจคนฟัง แต่ตอนนายณัฐวุฒิเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สมัย .ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ กลับอึก ๆ อัก ๆ พูดไม่ออก ไปไม่เป็น เวลานักข่าวซักถามเกี่ยวกับงานในหน้าที่ แสดงความไม่มีกึ๋นที่จะเป็นรัฐมนตรีได้เลย

และที่คนไทยทั้งประเทศไม่ลืมคือคำพูดนายณัฐวุฒิตอนไปปลุกระดมให้คนเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง “เผาไปเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง” ปรากฏว่าคนเสื้อแดงที่ไปเผาห้างสรรพสินค้า เผาศาลากลางจังหวัด เผาสถานที่ราชการ ติดคุกกันระนาวโดยขาดการเหลียวแล ถึงวันนี้นายณัฐวุฒิรับผิดชอบอะไรบ้าง

นักการเมืองเวลาปราศรัยก็มักจะกล่าวว่า “การเมืองทำเพื่อส่วนรวม ไม่ใช่เพื่อครอบครัวผู้ใด” แล้วในความเป็นจริงมันใช่หรือไม่ การเลือกตั้งทุกวันนี้สู้กันด้วยเงิน ใครเงินมากก็ได้เปรียบในสนามเลือกตั้ง

มองไปที่ พรรคกล้า ที่มี นายกรณ์ จาติกวณิช เป็นหัวหน้าพรรคฯ ขณะนี้กำลังระส่ำ เพราะเมื่อสูตรการเลือกตั้งออกมาเป็นแบบบัตร ๒ ใบ และหาร ๑๐๐ คงมองแล้วว่าโอกาสที่พรรคกล้าจะได้จำนวน ส.ส.ค่อนข้างยากเย็น ดูจากการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา พรรคกล้าไม่ประสบความสำเร็จเลยสักสนามเดียว

การที่นายกรณ์ทิ้งพรรคตัวเองแล้วไปจับมือกับ พรรคชาติพัฒนา ของ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญของนายกรณ์ ที่ได้ชื่อว่ามีฝีมือด้านการเงินการคลังนายกรณ์คงคิดดีแล้วจึงตัดสินใจร่วมกับพรรคชาติพัฒนา อย่างน้อยก็เบาแรงในการหาเสียง ต้องคอยดูตอนใกล้เลือกตั้ง พรรคกล้าจะยังดำรงอยู่หรือไม่ หรือไปร่วมกับพรรคชาติพัฒนาทั้งหมด

 “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาการนายกรัฐมนตรีตอบคำถามสื่อมวลชนเมื่อวันก่อนขณะไปลงพื้นที่เยี่ยมชาวบ้านว่า “ถ้าพรรคเศรษฐกิจไทยส่งตัวแทนลงสมัคร ส.ส.จังหวัดไหน พรรคพลังประชารัฐก็จะไม่ส่ง ส.ส.ลงจังหวัดนั้น” การพูดแบบนี้เสียหายมาก พูดอย่างไม่คิดหรือพูดออกมาจากใจก็ไม่ทราบได้ ซึ่งคนระดับนี้ไม่สมควรที่จะพูดออกมาแบบนี้ เพราะทำให้เข้าใจว่าพรรคการเมืองจะฮั้วกัน เป็นเรื่องผิดกฎหมาย

หลายคนกำลังคอยดูว่า นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนญไทย ซึ่งเป็นนักร้องเรียนจะเคลื่อนไหวอย่างไรหรือไม่

ลุงป้อมก็รู้อยู่เต็มอกว่า .อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กับ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชาตินี้ไม่เผาผีกัน นี่แสดงว่าเลือก ร.อ.ธรรมนัส มากกว่าแคร์ความรู้สึกของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน

หากมองอีกมุมขณะนี้ ลุงป้อม กับ ลุงตู่ แบ่งขั้วการเมืองกันแล้วใช่หรือไม่ เพราะข่าวก่อนหน้านี้ลุงป้อมมีแนวโน้มว่าจะเอา พรรคพลังประชารัฐ ไปร่วมหอลงโรงกับ พรรคเพื่อไทย จัดตั้งรัฐบาลสมัยหน้า ซึ่งสวนทางกับแนวทางของลุงตู่ ขณะเดียวกันลุงตู่ก็มีพรรคในเครือที่พร้อมสนับสนุน เช่น พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มี นายพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค เป็นหัวหน้าพรรคฯ พรรคไทยภักดี ที่มี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม เป็นหัวหน้าพรรคฯ รวมถึงพรรคเล็กพรรคน้อยที่สนับสนุนลุงตู่เป็นนายกฯ

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า พรรคเศรษฐกิจไทย ของ ร.อ.ธรรมนัส จะนำ ส.ส.กลับคืนพรรคพลังประชารัฐ ในการเลือกตั้งคราวหน้า ก็ต้องดูว่าในวันที่ ๓๐ กันยายนนี้ ถ้าลุงตู่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าอยู่ครบ ๘ ปีแล้ว อยู่ต่อไม่ได้ โอกาสที่ ร.อ.ธรรมนัสจะกลับเข้ารังพรรคพลังประชารัฐก็เป็นไปได้สูง

แต่แนวต้านในพรรคพลังประชารัฐที่ไม่ต้องการ ร.อ.ธรรมนัส ก็มีไม่น้อย เพราะระดับ ร.อ.ธรรมนัสเคยเป็นถึงเลขาธิการพรรคฯ เคยเป็นรัฐมนตรีในโควตาของพรรคนี้มาก่อนถ้ากลับมาก็คงจะเล็กกว่าเดิมไม่ได้

วันที่ ๓๐ กันยายนนี้ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปได้ เชื่อว่าฝ่ายที่ยู่ตรงข้าม ก็ต้องออกมาขับไล่ไม่สิ้นสุด

กระบวนการแบบนี้เชื่อว่าต้องมีคนชักใยอยู่เบื้องหลัง เพราะการชุมนุมแต่ละครั้งต้องใช้เงินไม่น้อย ทั้งจ้างคนมาตั้งเวที จ้างเกณฑ์คนมาฟัง ข้าวปลาอาหารต้องพร้อม จ้างคนมาป่วนเมือง ติดคุกก็ต้องมีคนไปประกัน ล้วนต้องใช้เงินทั้งสิ้น หากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองบังคับใช้กฎหมายเคร่งครัดและไม่เลือกปฏิบัติ พวกนี้ก็จะฝ่อไปเอง เหมือนพวก ๓ นิ้วที่เวลานี้ถูกจำคุก
ถูกรอลงอาญา ถูกปรับ ถูกใส่กำไลอีเอ็ม ทั้งชีวิตขึ้นลงแต่ศาล เข้าออกเรือนจำ เป็นเรื่องที่ไม่สนุกเลย.

error: ขอสงวนสิทธิ์ ในการคัดลอกบทความ !!