‘ชะอำ’ เมืองนำร่องการท่องเที่ยวช่วงสถานการณ์โควิดผ่อนคลาย โครงการ ‘ชะอำซันไชน์’ดึงนักท่องเที่ยวไทย-ต่างชาติกลับมาเยือน

ในสถานการณ์การระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) มานานเกือบ 2 ปี ได้ส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทยนับได้ว่าเป็นรายได้ในระดับต้น ๆ ที่มีส่วนหนุนช่วยความอยู่รอดของประเทศก็ประสบปัญหาในสถานการณ์นี้เช่นกัน

นายวสันต์ กิตติกุล ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมลองบีชชะอำ, โรงแรมธารามันตราชะอำ, โรงแรมซัน เคยดำรงตำแหน่งประธานชมรมธุรกิจโรงแรมจังหวัดเพชรบุรี, นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดเพชรบุรี, รองประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเพชรบุรี ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็น นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันตก (เพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์), ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเพชรบุรี คร่ำหวอดในวงการท่องเที่ยวและการโรงแรมมานานกว่า 40 ปี ได้ให้เกียรติตอบคำสัมภาษณ์ “เพชรภูมิ” ถึงการท่องเที่ยวใน จ.เพชรบุรี ที่รัฐบาลประกาศให้ จ.เพชรบุรี เป็นหนึ่งในจังหวัดนำร่องจากมาตรการผ่อนคลายในช่วงตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป กอง บก.เพชรภูมิขอขอบพระคุณ “พี่วสันต์” มา ณ โอกาสนี้

“…โครงการ “ชะอำซันไชน์” (Cha-am Sunshine) เกิดขึ้นเพราะนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ เขามองว่าแหล่งท่องเที่ยวชายหาดชะอำอยู่ด้านทิศตะวันออก ดวงอาทิตย์จะโผล่ขึ้นเหนือน้ำโพ้นทะเลในช่วงเช้า เป็นเมืองแห่งแสงแดด มีความเป็นธรรมชาติสวยงาม ฝรั่งหรือผู้ที่ชอบอาบแดดจะตื่นเช้ามารับแสงอาทิตย์และอาบแดดกันอย่างมีความสุข…

: วันที่ท่านนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำคณะมาลงพื้นที่เพชรบุรี ภาคธุรกิจเอกชนมีบทบาทในโอกาสนี้อย่างไร ?

วันนั้นจังหวัดเพชรบุรีได้วางตัวผมในฐานะนายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันตก(เพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์)  ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเพชรบุรี พร้อมด้วย คุณพันธุ์ธัช หิรัญจิรวงศ์ ประธานหอการค้าจังหวัดเพชรบุรี ให้เป็นตัวแทนภาคธุรกิจเอกชนกล่าวสรุปภาพรวมของการท่องเที่ยวและการค้าของจังหวัดเพชรบุรีให้นายกรัฐมนตรีและคณะได้รับทราบ แต่เกิดความคลาดเคลื่อนทางด้านการประสานงาน ทำให้ไม่มีโอกาสได้นำเสนอในที่ประชุม แต่บังเอิญว่าท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ซึ่งเป็นชาวจังหวัดเพชรบุรี และท่านรู้จักผมตั้งแต่สมัยที่ผมเคยนำเสนอแผนการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 ในช่วง ครม.สัญจร เมื่อกว่า 6 ปีที่แล้ว ท่านจำผมได้ วันนั้นผมได้นำเสนอแผนการท่องเที่ยวในเบื้องต้นให้ท่านทราบ 3 ข้อ เพื่อให้ท่านส่งต่อไปยังท่านนายกรัฐมนตรี

: เป็นข้อเสนอ 3 ข้อที่เตรียมการเปิดการท่องเที่ยวเมืองนำร่อง อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี หลังการคลายล็อกในช่วงนี้ ใช่หรือไม่ ?    

ใช่ครับ เนื่องจากพื้นที่เขตเทศบาลเมืองชะอำที่ถูกกำหนดให้เป็น 1 ใน 5 เมืองท่องเที่ยวของประเทศนำร่องในช่วงนี้และเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เชื่อมไปสู่ฝั่งทะเลตะวันตกของโครงการ ROYAL COAST (โครงการพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลเพชรบุรี-ประจวบฯชุมพร-ระนอง) ผมได้เสนอ 3 ข้อหลัก ดังนี้

ข้อแรก ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในเขตเทศบาลเมืองชะอำทุกแห่ง ต้องได้รับการฉีดวัคซีนไม่น้อยกว่า 70 % ขึ้นไป และต้องเข้ามาตรฐาน SHA Plush+ ซึ่ง SHA หรือ Amazing Thailand Safety & Health Administration (โครงการยกระดับอุตสาหกรรมเที่ยวไทยมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย) เป็นโครงการความร่วมมือของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.), กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับ กรมควบคุมโรค กรมอนามัย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ส่วน SHA Plush+ คือมาตรฐาน SHA ที่เพิ่มเงื่อนไขว่าพนักงานของผู้ประกอบการท่องเที่ยวจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 แล้วไม่ต่ำกว่า 70 % ของทั้งองค์กร และ 100 % ของพนักงานหน้าด่าน (Frontline) ที่ต้องพบเจอแขกหรือนักท่องเที่ยวทุกวัน

ข้อสอง ผมเรียนท่านว่าจังหวัดที่จะเปิดเมืองท่องเที่ยวในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน จะต้องมีการเชื่อมโยงสายการบินภายในประเทศ อ.ชะอำจะใช้สนามบินหัวหิน(สนามบินบ่อฝ้าย)เป็นหลัก รองรับนักท่องเที่ยวที่อยู่ในจังหวัดท่องเที่ยวต่าง ๆ และมีสนามบิน เช่นเชียงใหม่ ภูเก็ต อุบลราชธานี ขอนแก่น ฯลฯ รวมถึงเส้นทางรถไฟ โดยจัดรถไฟขบวนพิเศษจากกรุงเทพฯมาลงที่สถานีรถไฟชะอำ ซึ่งชะอำเราใช้ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” (Phuket Sanbox) เป็นโมเดล แต่ของเราจะเรียกว่า “ชะอำซันไชน์”
(Cha-am Sunshine)
ซึ่งของเราแปลกไปจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เพราะ จ.ภูเก็ต มีเส้นทางบินไปถึงที่นั่นโดยตรง พอลงสนามบินภูเก็ตเขาสามารถซีลนักท่องเที่ยวได้ แต่ชะอำซันไชน์นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะบินไปลงที่สนามบินสุวรรณภูมิหรือดอนเมืองก่อน การรับส่งนักท่องเที่ยวต่างประเทศต้องผ่านกลุ่มบริษัททัวร์ซึ่งเป็นสมาชิกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) อันนี้สำคัญที่จะต้องได้มาตรฐานในการไปรับ-ส่ง โปรแกรมทัวร์ต่าง ๆ บริษัททัวร์เขาจะจัด เราจะต้องนำเสนอว่าไปที่ไหนบ้าง และถ้าไม่ต้องมีการกักตัวนักท่องเที่ยว ก็จะดีมาก เราต้องซีลนักท่องเที่ยวตั้งแต่ลงสนามบินจนมาถึงโรงแรมหรือที่พัก เราก็จะตรวจเช็คตามมาตรฐาน SHA Plush+ จึงไม่ต้องห่วงว่าเขาจะเอาเชื้อโควิด-19 มาแพร่ระบาด เราห่วงคนของเรามากกว่าที่จะไปแพร่ระบาดเขา เพราะฉะนั้นมาตรฐาน SHA Plush+ เราต้องเข้มจริง ๆ ดังนั้นเดือนตุลาคม 2564 ทั้งเดือนเราจะซ้อมแผนมาตรการป้องกันให้กับคนไทยพวกเราก่อน เพื่อความมั่นใจ มีจุดอ่อนตรงไหน เราก็จะรีบปรับปรุงแก้ไข

ข้อสาม เป็นแผนในอนาคต หากมองย้อนไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เราเคยเสนอให้ ชะอำ-หัวหิน  เป็นเมือง MICE City ซึ่งหมายถึงเมืองที่มีศักยภาพในการเป็นจุดหมายปลายทางเพื่อรองรับการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวในเชิงธุรกิจ เช่น เป็นที่พัก, ที่จัดประชุมสัมมนา, จัดนิทรรศการ, จัดงานแสดงสินค้านานาชาติ โดย สสปน.(สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ องค์การมหาชน) หรือ TCEB สังกัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ได้มีการเซ็น MOU กันเรียบร้อยแล้วระหว่างชะอำ-หัวหิน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดของทั้ง 2 จังหวัดลงนามร่วมกัน แต่ระหว่างเสนอ ครม. ก็เกิดเหตุรัฐประหารกลางเดือนพฤษภาคม 2557 สิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาได้มีการประชุมในเรื่อง MICE City  กันอีก ผมได้เรียนไปยัง สสปน.กับผู้เกี่ยวข้องว่าขอให้ค้นเรื่องเก่ามาปัดฝุ่นดูโดยไม่ต้องมาตั้งต้นศึกษาข้อมูลกันใหม่ ผมได้เรียนไปยังเทศบาลเมืองชะอำว่าขอให้หาดูเอกสารที่เคยเซ็นร่วมกันเมื่อกว่า 6 ปีที่แล้วว่ายังอยู่หรือไม่

ผมเชื่อว่าเมื่อเปิดเมืองชะอำให้เป็นเมืองท่องเที่ยวนำร่องในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้โดยการประชาสัมพันธ์ของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นักท่องเที่ยวจะเตรียมการมาท่องเที่ยวย่านชะอำ-หัวหินกันจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะเดือนธันวาคมซึ่งมีเทศกาลคริสตมาส งานเคาน์ดาวน์ปีใหม่ เราสามารถจัดงานเชิญชวนให้มาท่องเที่ยวได้

ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ที่รัฐบาลเริ่มคลายล็อกการท่องเที่ยวในช่วงแรก เราตั้งเป้าเชิญชวนกรุ๊ปนักท่องเที่ยวคนไทยมาเที่ยวก่อน พร้อมกับทดสอบ SHA Plush+ กับโครงการ “ชะอำซันไชน์” โมเดล ดูซิว่ายังมีอะไรบกพร่องหรือต้องแก้ไขปรับปรุง

โครงการ “ชะอำซันไชน์” (Cha-am Sunshine) เกิดขึ้นเพราะนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ เขามองว่าแหล่งท่องเที่ยวชายหาดชะอำอยู่ด้านทิศตะวันออก ดวงอาทิตย์จะโผล่ขึ้นเหนือน้ำโพ้นทะเลในช่วงเช้า เป็นเมืองแห่งแสงแดด มีความเป็นธรรมชาติสวยงาม ฝรั่งหรือผู้ที่ชอบอาบแดดจะตื่นเช้ามารับแสงอาทิตย์และอาบแดดกันอย่างมีความสุขท่ามกลางธรรมชาติหาดทรายชายทะเลหรือขึ้นมาอาบแดดที่สระว่ายน้ำโรงแรมแถวชายหาด แต่ละคนแต่ละกรุ๊ปจะมากินอยู่ พักผ่อนไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์

: ผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้ขานรับเปิดเมืองท่องเที่ยวชะอำอย่างไร ?

ขณะนี้ทุกภาคส่วนของการท่องเที่ยวชะอำ เตรียมซักซ้อมความเข้าใจกับ เทศบาลเมืองชะอำ, ททท.สำนักงานชะอำ จะสอดส่องดูว่าสถานประกอบการท่องเที่ยวแห่งไหนที่มี SHA Plush+ เรียบร้อยแล้ว เทศบาลฯก็จะไปดูความพร้อมร้านค้าของฝาก ร้านของที่ระลึก ร้านขนม ร้านอาหาร หาบเร่ แผงลอย เตียงผ้าใบ คุณนุกูล พรสมบูรณ์ศิริ นายกเทศมนตรี เมืองชะอำ รับปากแล้วว่าภายในวันที่ 20 ตุลาคมนี้ทุกอย่างจะเรียบร้อย จังหวัดเพชรบุรี ได้แต่งตั้งคณะกรรมการเปิดเมืองท่องเที่ยวชะอำ และมองไปถึงอำเภอต่าง ๆ ใน จ.เพชรบุรี ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญมากมายเพื่อให้การท่องเที่ยวมีความเชื่อมต่อกัน

: สนามบินหัวหิน(สนามบินบ่อฝ้าย) จะเปิดบริการต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงนี้ด้วยหรือไม่ ?

เรื่องสนามบินหัวหินได้มีการประชุมวางแผนงานกันแล้ว คาดว่าไม่เกินวันที่ 15 ตุลาคมนี้จะทราบผลว่าจะสนามบินหัวหินจะสามารถเชื่อมโยงในการรับส่งผู้โดยสารจากสนามบินเชียงใหม่ สนามบินอุดรธานี สนามบินภูเก็ต และสนามบินอีกหลายแห่งได้หรือไม่ เพราะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาจากแหล่งท่องเที่ยวหลายจังหวัดมีจำนวนไม่น้อย

หัวหินใช้คำว่า Wellness City นำ ส่วนชะอำใช้คำว่า Health & Wellness City หมายถึงเมืองแห่งสุขภาพและพลานามัย มาที่นี่จะได้พบกับมาตรฐานของสุขอนามัยและอาหารสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จ.เพชรบุรี กำลังเสนอตัวให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารของยูเนสโก้ ถ้าได้รับการพิจารณาตัดสินจากยูเนสโก้ให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ก็จะมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมา จ.เพชรบุรี มากขึ้น

: การคลายล็อกเปิดเมืองท่องเที่ยวคราวนี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวกลับมาสักกี่เปอร์เซ็นต์ ?

น่าดีใจที่ขณะนี้ในช่วงวีคเอนด์และลองวีคเอนด์ที่ผ่านมา โรงแรมที่พักต่าง ๆ มีนักท่องเที่ยวชาวไทยมาใช้บริการในจำนวนที่น่าพอใจ ประมาณกว่า 50 % ขึ้นไป ส่วนใหญ่มาแบบส่วนตัวหรือครอบครัว ต่อไปถ้าสามารถมาเป็นหมู่คณะได้ เช่นกรุ๊ปมาศึกษาดูงานหรือทัศนศึกษาขององค์กรท้องถิ่นต่าง ๆ ซึ่งจะมาพักและจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่ของเรา ภาพรวมเศรษฐกิจก็จะดีขึ้น ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ มักจะมาชะอำมากในช่วงต้นเดือนธันวาคมเป็นต้นไป ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มสแกนดิเนเวีย กลุ่มชาวยุโรป เยอรมนี สวีเดน ปีนี้คาดหวังว่าจะมากันประมาณ 50-60 % จากจำนวนที่เคยมา ถ้า 1 พฤศจิกายนนี้เราเปิดให้มาท่องเที่ยวเขาก็จะจับจองกันมาในช่วงนั้น ขณะนี้รอ ททท.สรุปความชัดเจนในเรื่องเงื่อนไขมาตรการทางสาธารณสุขที่เขาจะเข้ามาในประเทศ ถ้าเขาผ่านกระบวนการคัดกรองจากประเทศเขาและผ่านด่านคัดกรองประเทศเราแล้วและไม่ต้องถูกกักตัว ก็คงจะมากันมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน เราต้องสร้างความมั่นใจเรื่องการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม สร้างความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยให้เกิดขึ้นให้ได้.

error: ขอสงวนสิทธิ์ ในการคัดลอกบทความ !!