พบหลักฐานว่ามีการตั้งชื่อเรียก “วัว” ที่อาจจะเก่าที่สุดในประวัติศาสตร์
ของการตั้งชื่อสัตว์เลี้ยงเท่าที่ค้นพบหลักฐานขณะนี้ คือ วัวที่ชื่อว่า
“กะแชงเปิง” และ “ผังผาด”
ชื่อของวัวทั้ง ๒ ตัวนี้ ปรากฏในวรรณคดีเรื่อง สมุทรโฆษคำฉันท์ ส่วนที่เป็นสำนวนของพระมหาราชครู กวีคนสำคัญสมัยอยุธยา ที่แต่งตั้งแต่ส่วนนำเรื่องอันเป็นมูลเหตุของการแต่งเรื่องสมุทรโฆษ พระสมุทร-โฆษเสด็จประพาสป่าจนถึงเสด็จไปใช้บนกับนางพินทุมดี
ชื่อของ วัวกระแชงเปิง และ วัวผังผาด ปรากฏในส่วนของเรื่องเล่นเบิกโรงเล่นหนัง เบิกโรง ๕ เล่นแข่งวัวเกวียน
วัวนี้ใช่วัวชั่วทราม เลี้ยงแล่นชาญสนาม
แลเรียกชื่ออ้ายกะแชงเปิง
สองสัตว์สามรรถถึกเถลิง เรี่ยวแรงรเริง
พันฦกพันลายหนักหนา
ผิว่าวัวสูถึกพา เทียมเกวียนมารา
บัดนี้จะลองอย่านาน
ตอนท้ายผลการแข่งขัน สรุปว่า ผังผาด มีชัยชนะแก่ กะแชงเปิง
กึกก้องเสียงเกวียนแกว่งไกว ธุลีเวียนไว
ตระลบตระเลิศเวหาส
วัวอ้ายฦๅนามผังผาด แล่นล้ำลมลาศ
ชนะแก่อ้ายกะแชงเปิง
กะแชง ออกเสียงคล้ายคำว่า กระแชง เป็นคำนาม พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.น. ๒๕๕๔ นิยามไว้ ๒ ความหมาย คือ
กระแชง ๑ หมายถึง เครื่องบังแดดฝน ทำจากใบเตยหรือใบจากมาเย็บเป็นแผง เอาไว้คลุมรถหรือเรือ อย่างที่เราเรียกชื่อของเรือชนิดที่เอากระแชงมาทำเป็นประทุนเรือว่า เรือกระแชง
ที่เมืองเพชรบุรีบ้านเราก็มีชื่อคลองที่ชื่อว่า คลองกระแชง แล้วคลองกลายมาเป็นถนนชื่อว่า ถนนคลองกระแชง
กระแชง ๒ หมายถึง น. เชือกหรือลวดหนังตีเป็นเกลียว
เปิง เป็นคำวิเศษณ์มีความหมายว่า ยับเยิน, พัง, ทลาย เช่น หลังคาเปิง หรือ ที่คุ้นกันในคำว่า เปิดเปิง
ส่วน ผังผาด เป็นคำวิเศษณ์ หมายถึง เคลื่อนหรือแล่นผ่านไป
โดยเร็ว เราอาจจะได้เคยได้ยินคำว่า ผาดผัง คือ ไปเร็ว, แล่นเร็ว
เมื่อวิเคราะห์ความได้เปรียบจากชื่อวัวทั้ง ๒ ตัวแล้ว ก็พอจะเห็นได้ว่า กะแชงเปิง จะเป็นรอง ผังผาดอยู่มาก เพราะ กะแชงเปิง
มีชื่อเสียงทางกำลังเข้าปะทะ ส่วน ผังผาด มีชื่อเสียงในทาง ความไว
ดังนั้น การแข่งวัวเกวียนเน้นความไวที่ฝีตีนในการวิ่งมากกว่าการปะทะ จึงไม่แปลกที่ผังผาดจะเป็นฝ่ายชนะกะแชงเปิง แต่ถ้าเอากะแชงเปิงไปชน
กับวัวทางใต้ไม่แน่อาจจะมีชัยก็ได้ครับ
ตอนที่อ่านเรื่องสมุทรโฆษคราวแรกขณะทำวิทยานิพนธ์เมื่อปี ๒๕๕๖ ก็ไม่ได้คิดถึงรายละเอียดของชื่อวัวแต่อย่างใด แต่พอกลับมาอ่านอีกครั้งโดยพยายามแยกศัพท์ดู ก็ทำให้รู้ว่าชื่อเรียกต่าง ๆ ก็ชวนให้คิดนั่นคิดนี่ได้ดีเหมือนกัน