กกต.เพิกถอนสิทธิ์
เมื่อวันอังคารที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๖๕ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ ๓๙/๒๕๖๕ ให้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์หรือศาลอุทธรณ์ภาค เพื่อสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนายเอื้อม ชุ่มจิตต์, นายยงค์ เพชรศิริ,
นายศิริชัย เรืองศรี, นายสำรอง จัดพูล, นายธะเนตร
เสมเถื่อน, นายณชพล จิวเมือง, นายบรรจบ จิตต์พุ่ม, นายวชิรศักด์ ภานุมาต, นายกนกพล พ่วงทอง, นายเสน่ห์ เทศเกิด, นายวีระสิทธิ์ อ่วมบุตร และนายสัญญา พ่วงทอง ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) ตำบลท่าแลง ต.ท่าแลง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรีของกลุ่มพลังท่าแลง
นอกจากนี้ยังสั่งให้มีการเลือกตั้ง ส.ท.ตำบลท่าแลง
อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ในเขตเลือกตั้งที่ ๑ และเขตเลือกตั้งที่ ๒
ใหม่ แทนสมาชิกกลุ่มพลังท่าแลง ที่เคยได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ท.ท่าแลง จำนวน ๗ คน ประกอบด้วย นายศิริชัย เรืองศรี, นายสำรอง จัดพูล, นายธะเนตร เสมเถื่อน,
นายบรรจบ จิตต์พุ่ม, นายกนกพล พ่วงทอง, นายเสน่ห์ เทศเกิด และนายสัญญา พ่วงทอง และให้ทั้ง ๗ คน
ดังกล่าวรับผิดค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้งครั้งที่เป็นเหตุให้ศาลมีคำสั่งดังกล่าว อีกทั้งขอให้ดำเนินคดีอาญากับนายเอื้อม ชุ่มจิตต์, นายยงค์ เพชรศิริ, นายศิริชัย เรืองศรี,
นายสำรอง จัดพูล, นายธะเนตร เสมเถื่อน, นายณชพล จิวเมือง, นายบรรจบ จิตต์พุ่ม, นายวชิรศักดิ์ ภานุมาศ, นายกนกพล พ่วงทอง, นายเสน่ห์ เทศเกิด, นายวีระสิทธิ์ อ่วมบุตร, นายสัญญา พ่วงทอง, ผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ส.ท. ของกลุ่มพลังท่าแลง และนายจีรศักดิ์ เทศเกิด
ผู้สนับสนุนกลุ่มพลังท่าแลงด้วย
คำสั่งดังกล่าวสืบเนื่องจากกรณีเมื่อระหว่างวันที่ ๘ -๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ มีการสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งนายกเทศมนตรีฯและสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) ตำบลท่าแลง มีผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ๒ กลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มพลังท่าแลง ซึ่งมีนายสงวน จิตต์พุ่ม อดีตนายกเทศมนตรีตำบลท่าแลง เป็นหัวหน้ากลุ่ม และกลุ่มรวมใจคนรักท่าแลง
ที่มีนายพรชัย ภู่ระหงษ์ อดีตรองนายกเทศมนตรี
ตำบลท่าแลง เป็นหัวหน้ากลุ่ม โดยทั้ง ๒ กลุ่มส่งผู้สมัคร
รับเลือกตั้ง ส.ท. ลงครบทั้ง ๒ เขตเลือกตั้งรวมกลุ่มละ ๑๒ คน
ต่อมาหลังวันรับสมัครเลือกตั้งปรากฏว่า
นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผวจ.เพชรบุรีในขณะนั้น มีคำสั่งให้นายสงวนเป็นผู้ถูกพ้นจากตำแหน่งฯเนื่องจากก่อนหน้านี้ขณะที่นายสงวนดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลท่าแลงได้ถูกชาวบ้านท่าแลงนำโดยนายอนุวัต
เวชสว่าง และกลุ่มชาวบ้านที่รวมตัวกันคัดค้านการเปิด
บ่อขยะในพื้นที่ของบึงปรีดา ร้องเรียนให้ดำเนินการสอบสวนนายสงวนในฐานะนายกฯ ท่าแลง ละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่หรือประพฤติตนฝ่าฝืนกฎหมายตามกฎหมายว่าด้วยเทศบาล โดยครั้งนั้นคำร้องเป็นผล จังหวัดเพชรบุรีสั่งการให้อำเภอท่ายาง
ตั้งกรรมการสอบสวนนายสงวน และสรุปว่านายสงวน
มีความผิดฐานจงใจทอดทิ้งหรือละเลยไม่ปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง
หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อย หรือฝ่าฝืนคำสั่งของ
ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอที่สั่งการ และมีคำสั่งให้นายสงวนพ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลท่าแลง เมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔ (หลังวันรับสมัครเลือกตั้ง)
ผลจากคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวส่งผลให้นายสงวนเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ
ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยังไม่พ้น ๕ ปี นับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง ผอ.การเลือกตั้งประจำเทศบาลตำบลท่าแลง จึงถอนชื่อนายสงวนออกจากการเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งทำให้นายสงวนถูกตัดสิทธิในการสมัคร กลุ่มพลังท่าแลงจึงเหลือเพียงลูกทีมจำนวน ๑๒ คนลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ท.ตำบลท่าแลง และ เมื่อเสร็จสิ้นการลงคะแนนเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๔ ผลการนับคะแนนปรากฏว่ากลุ่มพลังท่าแลง ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ท.จำนวน ๗ คน ส่วนกลุ่มรวมใจคนรักท่าแลงได้รับการเลือกตั้ง ๕ คน โดยมีนายพรชัย ภู่ระหงษ์ หัวหน้ากลุ่มรวมใจคนรักท่าแลง ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีโดยไม่มีคู่แข่ง
หลังการเลือกตั้งมีการร้องเรียนไปยัง กกต.ว่าขณะระหว่างช่วงเวลาก่อนการเลือกตั้ง กลุ่มพลังท่าแลง มีการกระทำความผิด พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามมาตรา ๖๕ กกต.ได้รับคำร้องและดำเนินการสืบสวนสอบสวนพยานและหลักฐาน ปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผลการเลือกตั้ง ส.ท.ตำบลท่าแลง เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๔ เกิดจากการเลือกตั้งที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม สืบเนื่องหลังจากที่นายสงวนหัวหน้ากลุ่มพลังท่าแลง ถูกถอนชื่อจากการเป็นผู้สมัครนายกฯ ทำให้กลุ่มผู้สนับสนุน มีการเคลื่อนไหวและบุกรุกเข้าไปตั้งเวทีปราศรัยในเขตเทศบาลตำบลท่าแลงโจมตีกลุ่มรวมใจ
คนรักท่าแลงว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังที่ทำให้นายสงวน
ถูกถอนชื่อจากการเป็นผู้สมัครฯ และมีการรณรงค์ให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปจนกว่าจะมีการเปิดการรับสมัครใหม่โดยอ้างว่านายสงวนถูกกลั่นแกล้ง ทั้งที่ศาลอุทธรณ์
ภาค ๗ และศาลปกครองเพชรบุรีได้มีคำพิพากษาว่าเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งมีการรณรงค์ให้ผู้มีสิทธิในเขตเลือกตั้งกาบัตรเลือกตั้งในช่องไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดในบัตรเลือกตั้งนายกเทศมนตรีตำบลท่าแลง ซึ่งมีผลการ
นับคะแนนนี้ถึง ๑,๘๒๐ ใบ และผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลท่าแลง ผู้สมัครสมาชิกฯ ในกลุ่มพลังท่าแลงทั้ง ๒ เขตเลือกตั้ง ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาจำนวน ๗ คน กลุ่มรวมใจคนรักท่าแลงได้รับการเลือกตั้งเข้ามา ๕ คน
กลุ่มรวมใจคนรักท่าแลง จึงยื่นคำร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งว่ากลุ่มพลังท่าแลงมีการกระทำความผิด
ฐานใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครและเป็นที่มาซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง
(กกต.) ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ ๓๙/๒๕๖๕ ให้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์หรือศาลอุทธรณ์ภาค เพื่อสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
รับผิดในค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้ง และดำเนินคดีอาญา
กับกลุ่มบุคคล และประกาศให้มีการเลือกตั้งสมาชิกเทศบาลตำบลท่าแลงใหม่ดังกล่าว.
โรคจิต
เมื่อเวลา ๐๙.๐๐ น. วันที่ ๒๑ ตุลาคม ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก น.ส.สุดารัตน์ แสงจันทร์ อายุ ๒๕ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๑๐๖๐/๑๑ ถ.ชลประทาน ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ว่ามีโจรโรคจิตเข้าไปขโมยชุดชั้นในที่บ้านพักมาอย่างต่อเนื่องถึง ๔ ครั้ง ล่าสุดกล้องวงจรปิดจับภาพคนร้ายเข้าไปขโมยชุดชั้นในที่แขวนไว้บนราวตากผ้าหน้าบ้านได้อย่างชัดเจน
น.ส.สุดารัตน์ เล่าว่า ตนทำงานเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง เดิมอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.เมือง จ.เพชรบุรี ต่อมาได้ย้ายกลับมาอยู่บ้านเกิดที่ อ.ชะอำ ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียวแต่ไม่มีรั้วรอบขอบชิด และยังไม่ได้ติดกล้องวงจรปิด เมื่อประมาณ ๖ เดือนที่ผ่านมาตนได้ซักชุดชั้นในและชุดนอนตากไว้ที่ราวตากผ้าหน้าบ้าน และช่วงเช้าพบว่าชุดชั้นในและชุดนอนที่ตากไว้ได้หายไปทั้งหมดส่วนเสื้อผ้าและผ้าอื่น ๆ ยังคงตากไว้เช่นเดิม ครั้งแรกไม่ได้สะกิดใจ คิดว่ามารดาคงเก็บผ้าไปไว้ในบ้าน แต่ต่อมาเมื่อซักผ้าตากไว้ครั้งที่ ๒-๓ ปรากฏว่าเสื้อผ้าเฉพาะชุดชั้นในได้หายไปอีก เมื่อถามคนในบ้านก็ไม่มีใครพบเห็น สอบถามพี่สาวและเพื่อนบ้านที่มีบ้านพักอยู่ในละแวกเดียวกันก็พบว่าชุดชั้นใน
ของพี่สาวและของเพื่อนบ้านหญิงที่ซักตากไว้ก็หายไปเช่นกัน ทำให้ตนคิดว่าน่าจะมีคนเข้ามาขโมย จึงตัดสินใจ
ติดกล้องวงจรปิดไว้ที่บริเวณหน้าบ้าน กระทั่งเมื่อช่วงเวลา ๐๑.๐๐ น. วันที่ ๑๗ ตุลาคมที่ผ่านมา กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพคนร้ายเป็นชายอายุประมาณ ๓๐ ปี
รูปร่างท้วม ใส่เสื้อยืด สวมกางเกงยีนส์ขาสั้นสามส่วน
ใส่แมสก์สีดำปิดบังใบหน้า เข้ามาขโมยชุดชั้นในก่อน
เดินออกจากบ้านและขี่จักรยานหลบหนีไปทันที
น.ส.สุดารัตน์ กล่าวต่อไปว่า ตั้งแต่เกิดเหตุครั้งแรกถึงปัจจุบันรวมระยะเวลา ๖ เดือน โจรโรคจิตได้เข้ามาก่อเหตุซ้ำซาก รวมชุดชั้นในเฉพาะของตนถูกขโมยไปมีเสื้อ
ชั้นใน ๖ ตัว กางเกงชั้นใน ๒ ตัว และชุดนอน ๒ ชุด ยังไม่นับ
รวมชุดชั้นในของพี่สาวและเพื่อนบ้านอีก ตนมีบุตรสาววัย ๕ ขวบ รู้สึกเป็นห่วงเกรงว่าหากปล่อยไว้เช่นนี้คนร้าย
จะได้ใจไม่เกรงกลัวกฎหมาย อาจก่อเหตุเพิ่มมากขึ้น และอาจบานปลายเป็นเหตุการณ์รุนแรงอื่น ๆ เป็นอันตราย
ต่อเด็กและผู้หญิง จึงนำหลักฐานไปแจ้งความกับ
พ.ต.ท.สุนทร พราหมณ์สังข์ สารวัตรเวร สภ.ชะอำ
เพื่อให้ดำเนินการจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปแล้ว.
เทศบาลเมืองฯ
นายกิตติพงษ์ เทพพานิช นายกเทศมนตรีเมืองเพชรบุรี เปิดเผยว่าจากกรณีที่ ตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี และเทศบาลเมืองเพชรบุรี ได้ทดลองจัดเส้นทางเดินรถทางเดียวหรือวันเวย์ (One Way) (ระยะที่ ๑) บริเวณ ถ.นอก และ ถ.ดำเนินเกษม เขตเทศบาลฯ ต.คลองกระแชง อ.เมือง จ.เพชรบุรี เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการจราจรในตัวเมืองเพชรบุรี ตั้งแต่เมื่อวันที่ ๒๐ ก.ค. – ๑๗ ก.ย. ๒๕๖๕ ที่ผ่านมารวมระยะเวลา ๖๐ วัน และเมื่อครบกำหนดการทดลองได้ทำการสรุปการรับฟังข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะจากทุกฝ่าย และทบทวนผลดำเนินการพร้อมกำหนดจะดำเนินการทดลองจัดเส้นทางเดินรถวันเวย์ระยะที่ ๒
เส้นทาง ถ.นอก – ถ.ดำเนินเกษม และต่อเนื่องไปยัง ถ.ชีสระอินทร์
เพื่อให้การหมุนเวียนของรถคล่องตัวเป็นวงรอบยิ่งขึ้น
โดยจะเริ่มทดลองตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ เนื่องจากเป็นช่วงเปิดเรียน ซึ่งจะเห็นผลกระทบสูงสุดนั้น
แต่ต่อมาเทศบาลเมืองเพชรบุรี ได้ประชุม
ร่วมกับตำรวจภูธรเมืองเพชรบุรี ได้ข้อสรุปว่าเพื่อให้การเก็บข้อมูลทั้งก่อนและหลังการทดลอง เป็นไปด้วยความถูกต้อง
สมบูรณ์จึงกำหนดปรับเปลี่ยนระยะเวลาการทดลอง
จัดเส้นทางเดินรถวันเวย์ระยะที่ ๒ เป็นเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤศจิกายนและจะสิ้นสุดในวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๕ รวมระยะเวลาทดลอง ๖๐ วัน
โดยการทดลองวันเวย์ระยะที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน จะเริ่มจาก ๔ แยกโรงเรียนคงคาราม
มุ่งตรงไปยัง ถ.นอก ผ่านโรงเรียนเทศบาล ๑ วัดแก่นเหล็ก
(รัตนกะลัสอนุสรณ์) จนไปถึงแยกวัดมหาธาตุวรวิหารฯ
เลี้ยวซ้ายเข้า ถ.ดำเนินเกษม ผ่านวัดพลับพลาชัย ถึงแยกเพชรนครโอสถแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปยังเส้น ถ.ชีสระอินทร์ ผ่านโรงเรียนราษฎร์วิทยา ถึงแยกโรงเรียนอรุณประดิษฐ
เป็นเส้นทางวันเวย์ โดยห้ามรถทุกชนิดสวนทางอย่างเด็ดขาด
แต่เส้นทางวันเวย์ดังกล่าวจัดเป็นช่วงเวลา คือ ช่วงเช้า ตั้งแต่ ๐๗.๐๐-๐๘.๓๐ น. และช่วงบ่าย ตั้งแต่ ๑๕.๐๐-๑๗.๐๐ น. เฉพาะวันทำการ ไม่รวมวันเสาร์-อาทิตย์
และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ส่วนการจอดรถให้สลับจอดเป็นวันคู่-วันคี่ ตลอดเวลา และจะดำเนินการควบคุมให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเคร่งครัดระเบียบวินัยจราจร
ทั้งนี้ขณะช่วงทดลอง เทศบาลเมืองฯ ได้ประสานขอกำลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร และอปพร.เทศบาลเมืองฯ ร่วมอำนวยความสะดวก และได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีมาทำการสำรวจเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องทุกวันเพื่อนำผลการทดลองมาประเมินกันอีกครั้ง
ประชาชนสามารถแสดงข้อเสนอแนะได้ที่ https://www.facebook.com/phetchaburicity https://lin.ee/h2cuEEb
ม.ราชภัฏเพชรบุรี
เมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคมที่ห้องประชุมพะนอมแก้วกำเนิด อาคารสุเมธตันติเวชกุล มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี อ.เมือง จ.เพชรบุรี มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ร่วมกับ สถาบันวิจัยและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี จัดงานแถลงข่าวการจัดงานมหกรรมศิลปวัฒนธรรมอาเซียนสัมพันธ์และการแสดงนานาชาติ
ครั้งที่ ๑๑ (The 11th ASEAN Arts and Culture Exposition
with International Performing Arts Festival) ภายใต้ชื่องาน “เทิดไท้จักริน หัตถศิลป์ ถิ่นพริบพรี เก็จมณี สู่อาเซียน” (ภูษา ภักษาหาร ผสานศิลป์) โดยมีพลอากาศเอกชลิต
พุกผาสุข นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ผศ.ดร.เสนาะ กลิ่นงาม อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี นางวันเพ็ญ มังศรี รอง ผวจ.เพชรบุรี รักษาราชการแทน ผวจ.เพชรบุรี นายพันธุ์ธัช หิรัญจิรวงศ์ ประธานหอการค้าจังหวัดเพชรบุรี ร่วมแถลงข่าวโดยภายในงานมีการ
เดินแบบในชุดผ้าไทยผลงานผ้าวิชาการ ร่วมกับแบรนด์ภูษาผ้าลายอย่าง และการแสดงชุดพัสตราอารยธรรม
พลอากาศเอกชลิต กล่าวว่ามหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีดำเนินการด้านการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน มีความโดดเด่นด้านศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนมีคณาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถในด้านศิลปวัฒนธรรม มีการพัฒนาอาคารสถานที่และสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ด้านศิลปวัฒนธรรม เช่น อาคารสถาบันช่างเมืองเพชรและศิลปะร่วมสมัย ศูนย์เรียนรู้เพื่อ
เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
นอกจากนี้มหาวิทยาลัยยังได้ทำความร่วมมือด้าน
ศิลปวัฒนธรรมกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งมีศิลปะและวัฒนธรรมที่สอดคล้องหรือมีความใกล้เคียงกัน นำเสนอผ่านรูปแบบกิจกรรมต่าง ๆ เช่น
งานมหกรรมศิลปวัฒนธรรมอาเซียนสัมพันธ์และการแสดงนานาชาติ ซึ่งจัดมาอย่างต่อเนื่อง ในครั้งนี้เป็นปีที่ ๑๑
ผศ.ดร.เสนาะ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี
จัดงานมหกรรมศิลปวัฒนธรรมอาเซียนสัมพันธ์
และการแสดงนานาชาติ ครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๕๕๔
ณ วัดพระพุทธไสยาสน์ และจัดมาอย่างต่อเนื่องในปี
พ.ศ. ๒๕๖๕ นี้งานมหกรรมศิลปวัฒนธรรมอาเซียนสัมพันธ์และการแสดงนานาชาติครั้งที่ ๑๑ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่
๕ – ๗ ธันวาคม ๒๕๖๕ ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติ
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่ พระนครคีรี (สนามหน้าเขาวัง) อ.เมืองเพชรบุรี โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันการศึกษาเครือข่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น เม็กซิโก เกาหลีใต้ รัสเซีย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย เป็นต้น ในการนำชุดการแสดงมาเผยแพร่ให้ชาวจังหวัดเพชรบุรีและนักท่องเที่ยวได้รับชมตลอดการจัดงาน
กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย กิจกรรมเสวนาวิชาการ เรื่อง ประเทศไทยภายใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์ และการเสวนาเรื่อง ภูษาสู่อาเซียน ณ ห้องพะนอมแก้วกำเนิด อาคารสุเมธตันติเวชกุล มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี, ส่วนภาคค่ำ จัด ณ เวทีชั่วคราวอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ พระนครคีรี (อุทยาน ร.๔) เป็นกิจกรรมการแสดงจาก
ต่างประเทศ สถาบันอุดมศึกษา โรงเรียนภายใน จ.เพชรบุรี, การแสดงนิทรรศการและการเดินแบบในชุดผ้าไทยผลงานผ้าวิชาการ และผ้าชาติพันธุ์ในจังหวัดเพชรบุรี, นิทรรศการสาธิตงานสกุลช่างเมืองเพชรแขนงต่าง ๆ การออกร้านอาหารตามแบบเพชรบุรีเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร
ยูเนสโก งานออกร้านอาหารท้องถิ่น ตลาดอิ่มสุข
“งานนี้จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างเครือข่ายวิชาการ
ด้านศิลปะ ดนตรี และนาฏศิลป์พื้นบ้านจากภูมิภาคต่าง ๆ
โดยใช้ศิลปวัฒนธรรมมาเป็นสื่อกลางในการสร้างความปรองดองในภูมิภาคอาเซียน สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล
อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว อนุรักษ์ ส่งเสริม ฟื้นฟูทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมของไทยและอาเซียน และยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้แก่ชุมชนและกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย” ผศ.ดร.เสนาะ กล่าว
นายพันธุ์ธัช กล่าวว่า จังหวัดเพชรบุรีเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้านพืชพันธุ์อาหาร สินค้าต่าง ๆ ที่สามารถต่อยอดได้มากมายการจัดงานครั้งนี้หอการค้าจังหวัดเพชรบุรีได้ร่วมกับภาคเอกชนและประชาชน
ในพื้นที่คัดสรรผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจหลายหลากประเภท
มาจัดแสดงภายในงาน เพื่อสร้างชื่อเสียงและเผยแพร่
ให้คนทั่วไปได้รับทราบว่าจังหวัดเพชรบุรีมีของดีอะไรบ้าง และยังเป็นการสร้างการรับรู้ถึงสินค้าของจังหวัดเพชรบุรีด้วยซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการกระตุ้นรายได้พัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดเพชรบุรี ผ่านงานด้านศิลปวัฒนธรรม
ด้านนางวันเพ็ญ กล่าวเสริมว่า จังหวัดเพชรบุรีมีอัตลักษณ์ที่โดดเด่น นอกจากจะมีอาหารที่ได้รับการยอมรับให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารจากยูเนสโกแล้ว ยังโดดเด่นด้วย “ผ้าลายสุวรรณวัชร์” ที่ จ.เพชรบุรีร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีออกแบบลายผ้าจากลายเสาศาลาการเปรียญวัดใหญ่สุวรรณรามวรวิหารสร้างสรรค์เป็นผ้าลายประจำจังหวัดเพชรบุรี
ส่วนมาตรฐานความปลอดภัยการจัดงานครั้งนี้จังหวัดได้ประสานสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรีให้การดูแลในเรื่องของการเฝ้าระวังตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ และประสาน
เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัยและความเรียบร้อยตลอดการจัดงาน.
อลงกรณ์
เมื่อเวลา ๑๐.๐๐ น. วันที่ ๒๘ ตุลาคม นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำทีมเกษตรเพชรบุรีและคณะทำงานเพชรบุรีโมเดลลงพื้นที่สำรวจปัญหาลิงแสมบนพระนครคีรี
(เขาวัง) พร้อมเข้ากราบนมัสการหารือเจ้าอาวาส
วัดมหาสมณารามราชวรวิหาร (วัดเขาวัง) และผู้ประกอบการ
ร้านค้ารอบบริเวณเชิงเขาวัง
นายอลงกรณ์กล่าวว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบนโยบาย
ให้กรมปศุสัตว์เร่งแก้ไขปัญหาประชากรลิงแสมที่เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วในชุมชนเมืองของหลายจังหวัด
เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคฝีดาษลิงและโรคอื่น ๆ
ที่ลิงเป็นพาหะสู่คนซึ่งกรมปศุสัตว์ได้จัดทำโครงการ
และแผนงานตามข้อสั่งการเสร็จแล้วโดยจะเริ่มดำเนินการในพื้นที่พระนครคีรี (เขาวัง) จ.เพชรบุรี เป็นโครงการนำร่อง
“พื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (เขาวัง) เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สําคัญของ จ.เพชรบุรี เดิมพื้นที่
โดยรอบเชิงเขาเป็นที่ตั้งของร้านค้าบริการต่าง ๆ เช่น โรงแรมร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และเคยเป็นแหล่งสร้างรายได้จากการค้าขายขนมหวานเมืองเพชร น้ำตาลสด
ผลิตภัณฑ์ประมงและสินค้าพื้นเมืองแต่ประสบปัญหาจากลิงแสมจํานวนมากที่อาศัยอยู่บนเขาวัง ซึ่งคาดว่า
จะมีไม่น้อยกว่า ๒,๐๐๐-๓,๐๐๐ ตัว แม้จะมีความพยายามดำเนินการทำหมันลิงแต่ไม่บรรลุเป้าหมายตรงข้ามกลับมีการขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว และลงมาหาอาหารยังพื้นที่ด้านล่างสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ที่อยู่อาศัย ร้านอาหาร และสถานประกอบการต่าง ๆ รวมทั้งนักท่องเที่ยว
ส่งผลกระทบต่อการค้าการท่องเที่ยวจนซบเซามานานนับสิบปี”
นายอลงกรณ์กล่าวต่อไปว่า ด้วยเหตุดังกล่าวตนจึงได้ริเริ่มโครงการแก้ไขปัญหาลิงแสมบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (เขาวัง) จังหวัดเพชรบุรี ภายใต้เพชรบุรีโมเดล โดยมอบหมายให้กรมปศุสัตว์เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักมุ่งหวังว่าจะเป็นโครงการที่สามารถแก้ไขปัญหาลิงแสมที่เขาวังอย่างยั่งยืนเป็นระบบ ด้วยความร่วมมือ
ของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ และภาคประชาชน รวมทั้งองค์กรสาธารณประโยชน์ (NGOs) ในลักษณะการบูรณาการ
ร่วมกันเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคที่ลิงเป็นพาหะสู่คนและช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ธุรกิจการค้าที่อาศัยอยู่ในพื้นที่โดยรอบเขาวัง รวมทั้ง
นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเพื่อฟื้นฟูให้อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (เขาวัง) กลับมาเป็นแหล่ง
ท่องเที่ยวที่สําคัญของ จ.เพชรบุรีอีกครั้งหนึ่ง
“ช่วงเช้าวันที่ ๑ พฤศจิกายนนี้ ผมจะนำทีม
กรมปศุสัตว์ประชุมกับจังหวัดเพชรบุรี ตัวแทนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชและทุกภาคีภาคส่วนก่อนนำคณะลงพื้นที่เขาวังจากนั้นช่วงบ่ายจะไปประชุมและสำรวจพื้นที่สำหรับจัดตั้งเป็นศูนย์ศึกษาลิงแสมที่
อ.แก่งกระจาน โดยเราจะดำเนินการด้วยหลากหลายวิธีให้ความสำคัญกับสุขภาพของประชาชนและมาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์ (Animal welfare standards) ตั้งแต่
ขั้นต้นถึงขั้นสุดท้ายในการเคลื่อนย้ายลิงแสมไปอยู่ใน
ศูนย์ศึกษาลิงแสม หากสำเร็จเพชรบุรีโมเดลจะเป็นต้นแบบ
ตัวอย่างในการขยายผลดำเนินการไปยังพื้นที่เขาหลวง เขาบันไดอิฐ เขาตะเครา เขาย้อย รวมถึงจังหวัดอื่น ๆ ต่อไป” นายอลงกรณ์กล่าว.
ดร.ยุทธพล
เมื่อเวลา ๐๖.๓๐ น. วันที่ ๒๘ ตุลาคม
ดร.ยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย
นายสมเจตน์ จันทนา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน,
ผู้ประกอบการท่องเที่ยวจังหวัดเพชรบุรี และตัวแทน
ภาคประชาชน ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมการเปิดแหล่งท่องเที่ยวเขาพะเนินทุ่ง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
ดร.ยุทธพล เปิดเผยว่า ช่วงระหว่างเดือนสิงหาคม – ตุลาคม รวมระยะเวลา ๓ เดือนอุทยานแห่งชาติ
แก่งกระจานได้ปิดแหล่งท่องเที่ยวประจำปีตามนโยบาย
ของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ธรรมชาติได้มีโอกาสฟื้นตัว ให้เจ้าหน้าที่ได้ใช้ช่วงเวลานี้ปรับปรุงพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและมาตรฐานความปลอดภัย
ในการรองรับนักท่องเที่ยวเพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพ
ของแหล่งท่องเที่ยว ตามมาตรการการท่องเที่ยววิถีใหม่
(New Normal) เป็นการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชนิดพันธุ์พืช
และชนิดพันธุ์สัตว์ป่าที่มีคุณค่าโดดเด่นเชิงอนุรักษ์ระดับโลก
ตามแนวทางขององค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ที่ประกาศ
ให้กลุ่มป่าแก่งกระจาน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
ทางธรรมชาติสร้างความภาคภูมิใจให้กับจังหวัดเพชรบุรีและคนไทยทั้งประเทศ
ทั้งนี้ ภายหลังป่าได้พักฟื้นตัวนาน ๓ เดือน
ส่งผลให้แหล่งท่องเที่ยวเขาพะเนินทุ่งและธรรมชาติของป่าแก่งกระจานได้ฟื้นตัวคืนสภาพความอุดมสมบูรณ์ เจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ ลาน
กลางเต็นท์ ห้องน้ำ ห้องสุขา เพื่อดูแลนักท่องเที่ยว
ได้อย่างทั่วถึง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานจึงมีกำหนดการเปิดรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ โดยขอความร่วมมือจากนักท่องเที่ยวปฏิบัติตามกฎของอุทยานฯ ทุกแห่งเพื่อความปลอดภัย และท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เพื่อรักษาธรรมชาติให้สวยงามเคียงคู่ประเทศไทยต่อไป
ด้าน นายสมเจตน์ กล่าวว่าอุทยานแห่งชาติ
แก่งกระจาน มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย อาทิ บ้านกร่างแคมป์ แหล่งดูผีเสื้อ นก และพันธุ์ไม้หลากหลายสายพันธุ์ มีเส้นทางเดินธรรมชาติสวยงามหลายเส้นทาง นอกจากนี้
ยังมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ คือ “ยอดเขาพะเนินทุ่ง” ซึ่งเป็นจุดสูงสุดอันดับ ๒ ของมรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจาน (รองจากยอดสูงสุด “ยอดเขางะงันนิกยวงตอง”) มีอากาศหนาวเย็นตลอดปี เป็นถิ่นอาศัยของค่างแว่นถิ่นใต้ และความสวยงามของทะเลหมอกที่ชมได้กว้างไกลแบบ
พาโนรามา โดยเฉพาะในช่วงปลายฝนต้นหนาวเหมาะสมกับการท่องเที่ยวกางเต็นท์พักแรมเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งนี้นักท่องเที่ยวที่สามารถร่วมสัมผัสความสวยงาม
ธรรมชาติและความอุดมสมบูรณ์แห่งผืนป่ามรดกโลก
ของไทย ได้ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป
ส่วนนักท่องเที่ยวที่สนใจชมทะเลหมอกที่ยอดเขาพะเนินทุ่ง
มีมาตรการกำหนดเวลาขึ้น-ลง เขาพะเนินทุ่งช่วงเช้าเวลาขึ้น ๐๕.๐๐ น.-๐๘.๐๐ น. เวลาลง ๐๙.๐๐ น.-๑๑.๓๐ น.
ส่วนช่วงบ่ายเวลาขึ้น ๑๓.๐๐ น.-๑๕.๐๐ น. และเวลาลง
๑๖.๐๐ น.-๑๗.๐๐ น. หากนักท่องเที่ยวขับรถขึ้นไปเอง
อนุญาตเฉพาะรถขับเคลื่อน ๔ ล้อ (ผู้โดยสาร ๒-๘ คน
/ ๑ คัน) หรือใช้บริการรถนำเที่ยวที่ได้รับการรับรองอนุญาตจากอุทยานฯ ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการ
นักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โทร. ๐๓๒-๗๗๒๓๑๑-๒.