


ผมอ่านคอลัมน์ของ เปลว สีเงิน ในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ (ออนไลน์)
ฉบับวันอังคารที่ ๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๕ เห็นข้อความที่ เปลว สีเงิน เขียนว่า
“ผู้นำฝ่ายค้าน “อยากเป็นรัฐบาล” จนตัวซี้-ตัวสั่น ถึงขั้นใช้แผน
ทำ “สภาล่ม” ซ้ำซาก ๑๕-๑๖ ครั้ง! แต่ชาวบ้านยุคนะจ๊ะ ไม่เป็น “ปลาฮุบเบ็ด” ง่าย ๆ เหมือนตะก่อน เมื่อฝ่ายค้านจ้องจังหวะ “ทำสภาล่ม” แล้วฟ้องสังคม “แบบนี้ นายกฯ ต้องยุบสภา” สังคมก็สงสัยกันว่า สภาที่ล่มนั้นน่ะ
ล่มตามธรรมชาติรัฐบาลใกล้ล้ม หรือมีฝ่ายจงใจทำให้ล่ม ด้วยเจตนาล้มรัฐบาล?”
อ่านแล้วรู้สึกชอบใจว่า เปลว สีเงิน ประเมินออกว่าขณะนี้ประชาชนส่วนใหญ่ฉลาดพอที่จะรู้เท่าทันเกมการเมือง พูดง่าย ๆ ว่า คนเดี๋ยวนี้
เขาไม่ได้โง่ให้หลอกได้ง่าย ๆ อย่าง ปลาฮุบเบ็ด ที่พอเห็นคนหย่อนเบ็ด
ก็รีบงับเข้าให้
เบ็ด เป็นเครื่องมือสำหรับตกปลา ตกกุ้ง ตกหมึก ทำเป็นรูปขอมีเงี่ยงแหลมเล็ก ๆ ใช้สำหรับเกี่ยวเหยื่อ เบ็ด มีลักษณนามว่า ตัว แต่ถ้าไปผูกเชือกติดกับไม้เรียกว่า คัดเบ็ด มีลักษณนามว่า คัน
การตกปลาด้วยเบ็ด บางทีก็เรียกว่า ตกเบ็ด
วิธีตกปลาด้วยเบ็ดอย่างไทย ๆ ให้เอาเบ็ดผูกเข้ากับเชือกหรือ
เอ็น แล้วก็ผูกเข้ากับปลายไม้ไผ่หรือไม้รวกลำยาว ๆ ขนาดย่อมเท่าพอมือ
กำได้เอาเหยื่อเกี่ยวที่เบ็ดแล้วก็หย่อนเบ็ดลงน้ำ รอเวลาปลามาฮุบเหยื่อก็ให้สังเกตจากทุ่นที่ลอยเหนือน้ำจะกระตุกหรือลากทุ่นจมน้ำไปเเสดงว่าปลากินเหยื่อแล้ว
ถ้าใช้เบ็ดอย่างฝรั่งก็มีวิธีตกที่ต่างออกไป มีข้อมูลว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระปรีชาในการตกปลาเทโพด้วยเบ็ดฝรั่ง
ทรงเขียนไว้ในพระราชหัตถเลขา ฉบับที่ ๓๐ ในพระราชนิพนธ์ไกลบ้าน
ความว่า
“เมื่อไปอิงค์แลนด์คราวก่อนพ่อก็เคยตกเปนสักสองหน ไม่เคยได้สักทีหนึ่ง การตกเบ็ดนี้ “เปน” เหลือเกิน ต้องนั่งตากแดดตากลมอยู่หลาย ๆ
ชั่วโมง เมื่อวานนี้เบเยอ ที่เปนกงสุลอเมริกัน ก็มาตั้งอธิบายวิธีตก ซึ่งที่จริงพ่อเคยเล่นแล้ว ได้เคยลองตกปลาเทโพได้ง่ายที่สุด เมื่อฮุบเบ็ดเข้าแล้วต้องโรยสายเบ็ดให้ปลานั้นพาไปแล้วจึงค่อย ๆ ขันกว้านที่คันเบ็ดโลมให้เข้ามาทีละน้อย ถ้าตึงมือหนักก็ต้องหย่อนไปอีก จนปลาอ่อนแล้วจึงค่อยเอาขึ้น
ถ้ารั้งกันโดยแรงเบ็ดมักจะขาด ตาคนนี้ได้เคยถวายแนะนำเอมเปอเรอเยอรมันที่เสด็จมาตกปลา การตกเบ็ดอย่างฝรั่งนี้ จะกำหนดว่าช้านานสักเท่าไรจะได้ปลาไม่มีแน่ ลางทีนั่งคอยอยู่หกวันเจ็ดวันไม่ได้สักตัวหนึ่งก็มี ลางทีพอหย่อนเบ็ดลงไปสักสี่ห้านาทีก็ได้”
ปลาฮุบเบ็ด คือ ปลางับเอาเหยื่อไว้ในปาก ปรกติเมื่อปลาเห็นเหยื่อก็รีบงับโดยไม่รู้ว่ามีเบ็ดซ่อนอยู่ ถ้าเปรียบไปก็คล้ายกับคนที่เห็นอะไรมาล่อแล้วก็ดีอกดีใจทำลิงโลด ตกเป็นเหยื่อได้ง่าย ๆ เช่นเดียวกับข่าวสภาล่มแล้วล่มอีก ถึง ๑๗ ครั้ง (สภาล่มไปแล้ว ๑๗ ครั้ง นับเป็นครั้งที่ ๔ ของปี ๒๕๖๕ ส่วนครั้งที่ผ่านมาเป็นครั้งที่ ๓ ในเดือนกุมภาพันธ์) จนหลายคนมองว่า คงถึงกาลอวสานของรัฐบาล แถมยังมีข่าวความบาดหมางของวงศ์วาน ๓ ป.
โดยเฉพาะ บิ๊กตู่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ
รมว.กลาโหม กับ บิ๊กป้อม พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไหนจะยังมีปัญหาระหว่าง ผู้กองนัสร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รวมถึงความแตกร้าวภายในพรรคร่วมรัฐบาลอีกที่แพร่สะพัดหนาหูอยู่ทุกวัน มีหวังงานนี้นายกรัฐมนตรีคงต้องยุบสภาก่อนถึงวันจัดประชุมเอเปคที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพช่วงปลายปีแน่นอน
แต่ เปลว สีเงิน วิเคราะห์ว่า “ชาวบ้านยุคนะจ๊ะ ไม่เป็น “ปลาฮุบเบ็ด”
ง่าย ๆ เหมือนตะก่อน” นี่น่าสนใจ
คนที่เป็นเช่น ปลาฮุบเบ็ด คือ ติดกับ หรือตกเป็นเหยื่อของอีก
ฝ่ายหนึ่งโดยง่ายดังนั้นการไม่เป็นปลาฮุบเบ็ด ก็คือ การไม่ตกเป็นเหยื่อของใครง่าย ๆ อีกต่อไปและไม่คล้อยตามไปกับเหตุการณ์หรือตกอกตกใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
การที่ ส.ส. พรรคฝ่ายค้านนำโดย พรรคเพื่อไทย และ ส.ส. พรรคก้าวไกล
จะปรากฏตัวในการประชุมสภาแต่ไม่ยอมแสดงตน หรือไม่เข้าประชุมกว่า ๑๐๐ คน จนเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สภาล่ม เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น แม้ว่า
นายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้าน จะออกมาเอาสีข้างเข้าถูว่านี่คือการกดดันให้นายกรัฐมนตรีรีบยุบสภา แบบนี้ไม่มีใครหลงเชื่อเป็นปลาฮุบเบ็ดให้โง่อีกแล้ว
คนส่วนใหญ่เข้าใจดีว่าถึงอย่างไรนายกรัฐมนตรีก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องยุบสภาในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน และการที่สภาล่มอยู่เสมอ
เป็นเพียงวิธีดึงเกม เล่นปาหี่หลอกคนก็เท่านั้น เพราะถ้ายุบสภาตอนนี้
ส.ส.ก็จะตกงาน และยังไม่มีกฎหมายลูกรองรับการเลือกตั้ง จึงทำให้รัฐบาลอยู่ต่อไปได้อีกระยะหนึ่งกว่ากฎหมายจะคลอด ฝ่ายค้านจึงออกมา
สร้างความวุ่นวายปั่นกระแส แต่เดี๋ยวพอต้องการลงมติเรื่องสำคัญ ๆ
ที่ได้ผลประโยชน์ร่วมกันก็จะแห่กันมาพรึบ ตอนนี้ก็ปล่อยให้สภาล่มไปพลาง ๆ ก่อน
คิดง่าย ๆ ถ้านายกรัฐมนตรีจะยุบสภาจริง คงไม่ปล่อยให้ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายลากไส้ออกมาสาวให้เสียชื่อ อย่างน้อยในช่วงสภาล่มบ่อย ๆ
นี้ก็เห็นมีกระแสว่า นายกรัฐมนตรีอาจเตรียมลงหลักปักฐานไปอยู่กับ พรรครวมไทยสร้างชาติ ส่วน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็อาจแหย่ขาข้างหนึ่ง
ไปอยู่กับ พรรคเศรษฐกิจไทย ซึ่งเป็นรังใหม่ ของ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า เห็นไหมว่านี่คือเบื้องหลังของการที่สภาล่ม ล่มเพราะถ่วงให้ตั้งหลักต่างหาก
แบบนี้เองที่ เปลว สีเงิน การันตีว่า ชาวบ้านไม่ได้เป็นปลาฮุบเบ็ด ง่าย ๆ อีกแล้ว ถ้าจะพูดให้ฟังง่าย ๆ คือ ชาวบ้านไม่ได้โง่อย่างที่คิด อย่ามาคิดจะสร้างกระแส
ให้หลงเชื่ออีก ไม่มีทาง
แต่ที่สังคมรู้สึกเอือมระอาที่สุด คือ ส.ส. ที่ไม่ทำหน้าที่ของตนเองให้สมกับที่เป็นผู้แทนของประชาชน ได้เงินเดือนสูง ถูกเลี้ยงด้วยเงินภาษี แต่ทำไมกลับเสียข้าวสุก