“แม่หงิ่น ขันธ์แก้ว” สู่ธรรมชาติ



งานวิจัยด้านโภชนาการระบุชัด
ว่าอาหารมื้อเช้าสำคัญที่สุด ร้านข้าวแกง
ข้างทางคือสถานที่สำหรับมื้อเช้าของนักเรียนนักศึกษาและคนทำงานทั่วไป ร้านข้าวแกง 200 ปี คือ ร้านเป้าหมายหนึ่งของคนวัยเรียนและคนวัยทำงาน
ร้านข้าวแกง 200 ปี ตั้งอยู่บ้าน
ศาลานาเตย ถนนหลังห้างบิ๊กซี ชื่อบ้านนามเมืองมีตำนานกล่าวขานเสมอ เล่ากันมาว่าคนรุ่นเก่าเรียกว่า “บ้านโพธิด้วน”
ตำนานว่ากลางหมู่บ้านมีต้นโพธิ
ใหญ่ต้นหนึ่ง กลางลำต้นโพธิเป็นโพรงภายในอาจมีสมบัติซ่อนอยู่ ชาวบ้านจึงจุดไฟกระดวนเข้าไปในโพรงต้นโพธิเพื่อค้นหา โพธิต้นนี้แรก ๆ ชาวบ้านเรียก “โพธิกระดวน” ภายหลัง
เสียงกล่อนกลายเป็นชื่อ “โพธิด้วน” ส่วนชื่อทางการคือ “บ้านนาเตย”
ครั้นสร้างศาลากลางบ้านไว้จึงเรียกกันติดปากว่า “บ้านศาลานาเตย”
มาถึงทุกวันนี้
สำหรับเจ้าของร้านข้าวแกง 200 ปี ชื่อ นางหงิ่น ขันธ์แก้ว สกุลเดิม หว่างจำรัส เป็นพี่สาว ของ“ครูเค” (สง่า หว่างจำรัส) นักร้อง
นักดนตรี และกรรมการตัดสินการประกวดบอนไซระดับชาติ“นางหงิ่น”
เกิดที่บ้านโพธิด้วนหรือบ้านศาลานาเตย บิดามารดาชื่อ นายพรม–
นางเงียบ หว่างจำรัส สามีชื่อ นายมาก ขันธ์แก้ว
อันที่จริงบ้านศาลานาเตยหรือบ้านโพธิด้วน แต่เดิมซึ่งเคยเป็นแหล่ง Gastronomy ทำกล้วยตากที่ใหญ่และอร่อยที่สุดในจังหวัดเพชรบุรี
อาชีพดั้งเดิมของ“นางหงิ่น ขันธ์แก้ว “ ทำนาทำไร่ และทำกล้วยตาก เมื่ออายุมากขึ้นทำไร่ไม่ไหวจึงมาตั้งร้านโชห่วยเก็บเบี้ยใต้ถุนร้านเล็ก ๆ
น้อย ๆ แต่ไม่ลำบากเพราะลูก ๆ ทั้งสามคนรับราชการ ได้แก่ สิบโท
ปราโมท ขันธ์แก้ว (ถึงแก่กรรม) นางสาวไพรัตน ขันธ์แก้วกอบศิริ
ตำแหน่ง ผอ.กองฯ มหาวิทยาลัยลัยขอนแก่น และ อาจารย์อารมณ์
กู้นาม วิทยาลัยเทคนิคเพชรบุรี
ร้านชำร้านโชห่วยของ“นางหงิ่น” ค้าขายคึกคัก พ.ศ. 2541 จึงขยายกิจการทำข้าวแกงด้วย โดยชวนคนรุ่นราวคราวเดียวกันในซอยบ้านโพธิด้วนมาช่วยกันปรุงอาหารในฐานะแม่ครัว ทั้งนี้แม่ครัวแต่ละคนอายุรวม ๆ กันประมาณได้ 200 ปี นี่คือที่มาของชื่อร้านข้าวแกง 200 ปี
“นางหงิ่น” รักน้องชายที่สุด ตอนทำร้านขายข้าวแกง“ครูเค”
น้องชายคนเล็กบอกกับพี่สาวว่าอย่าขายแพง ให้คนรากหญ้า คนบ้าน ๆ ที่รับจ้างไม่มีเวลาหุงหาอาหารจะได้อาศัยฝากท้องบ้าง
ที่สำคัญเมื่อลูกค้ามานั่งกินข้าวแกงที่ร้านก็
เหมือนแขกมาเยือนเรือนชานต้องมีน้ำบริการเสิร์ฟให้เขา ไม่ใช่ให้ลูกค้าไปตักเอาเอง
“นางหงิ่น” พี่สาว เชื่อคำแนะนำของน้องชายทุกประการ เพราะมี mindset เดียวกัน
เช้า ๆ ถึงสาย ๆ ร้านข้าวแกง 200 ปี จึงหนาแน่นด้วยลูกค้าทุกระดับ ข้าวแกงพูน ๆ
จาน ๆ ละ 15-20 บาท ครั้นเวลาใกล้เที่ยงแกงที่เหลืออยู่ในหม้อก็ถูกตักใส่ถุงวางไว้หน้าร้าน ใครหิวก็มาหยิบเอาไปกินที่บ้าน หยิบฟรีก็ไม่หวง ลูกค้าบางคนหยิบแล้ววางเงินไว้ก็ได้เพียงสิบบาท
วันนี้ (3 มี.ค. 2565) “นางหงิ่น ขันธ์แก้ว” ตำนานข้าวแกง
200 ปี ได้กลับสู่ธรรมชาติแล้ว สิริอายุ 87 ปี