วิกฤติน้ำมันแพง

ต้องยอมรับว่าเวลานี้คนทั้งโลกกำลังเผชิญปัญหาวิกฤตการณ์ราคาน้ำมัน-ก๊าซพาเหรดขึ้นราคากันแทบเป็นรายวัน
ส่งผลให้สินค้าและภาคบริการในทุกภาคส่วนต่างขยับขึ้นราคากันเป็นทิวแถว ซ้ำเติมสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (Covid-19) ทำให้ค่าครองชีพของชาวโลกหนักหน่วงรุนแรงมากขึ้นไปอีก เนื่องจากน้ำมันและก๊าซทุกชนิดมีความจำเป็นต่อการ
ขับเคลื่อนชีวิตประจำวัน ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำ
ให้ด่ำดิ่งลงไปจนเกิดความระส่ำไปทั้งโลก แม้สถานการณ์การระบาดของโควิด-๑๙ ในช่วงนี้คลี่คลายไปบ้างแล้วก็ตาม แต่ปัญหาน้ำมัน-ก๊าซ
กำลังก่อความวิตกกังวล เนื่องจากราคาสินค้าและบริการเมื่อขึ้น
ไปแล้ว ก็ถอยลงได้อย่างยากเย็นแสนเข็ญ ขณะที่รายได้ของครัวเรือนยังทรงตัว

         เมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๖๕ ราคาน้ำมันดิบขยับพุ่งแตะเพดานที่บาร์เรลละ ๑๓๙ ดอลลาร์สหรัฐฯ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคาจะพุ่งสูงขึ้นไปแตะเกือบ ๒๐๐ ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งมีผลมาจากสงครามรัฐเซีย-ยูเครน ที่กำลังยืดเยื้อนั่นเอง การที่หลายประเทศที่อยู่ซีกสหรัฐอเมริกา-นาโต้ พากันคว่ำบาตรยูเครน เท่ากับเป็นการ
ตัดกำลังผู้ผลิตน้ำมันขนาดใหญ่ของโลกให้แบ่งออกไป ทำให้ต้อง
หาแหล่งทดแทนใหม่โดยต้องยอมจ่ายในราคาที่สูงขึ้น แต่แหล่งน้ำมันที่มีจำกัดและเมื่อไม่สามารถหาทดแทนได้ทัน ก็ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเป็นรายวัน ทั้งยังคาดการณ์ไม่ได้ว่าวิกฤติดังกล่าวนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อใด

            ๕ ประเทศที่มีกำลังผลิตน้ำมันได้มากที่สุดในโลก คือ
๑.สหรัฐอเมริกา ผลิตได้ ๑๘.๖ ล้านบาร์เรล/วัน คิดเป็นสัดส่วนถือครอง ๒๐ % ๒.ซาอุดิอาระเบีย ผลิตได้ ๑๐.๘ ล้านบาร์เรล/วัน
คิดเป็น ๑๑ % ๓.รัสเซีย ผลิตได้ ๑๐.๕ ล้านบาร์เรล/วัน คิดเป็น
๑๑ % ๔.แคนาดา ผลิตได้ ๕.๓ ล้านบาร์เรล/วัน คิดเป็น ๖ % และ
๕.สาธารณรัฐประชาชนจีน ผลิตได้ ๔.๙ ล้านบาร์เรล/วัน คิดเป็น
๕ % สหรัฐฯนอกจากมีกำลังผลิตน้ำมันมากที่สุดแล้ว ยังเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติอันดับต้น ๆ ของโลก แต่ลำพังแค่ประชากรในสหรัฐเองที่มีอยู่มากกว่า ๓๐๐ ล้านคน แต่ละวันก็ใช้น้ำมัน-ก๊าซจำนวนไม่น้อย แถมยังต้องนำเข้าจากประเทศแถบตะวันออกกลาง
หากสหรัฐฯ จะให้ประเทศในกลุ่มนาโต้ที่เคยใช้น้ำมัน-ก๊าซจากรัสเซียมาพึ่งพาสหรัฐฯ คงจะอุ้มกันไปไม่ไหวแน่

            เมื่อรัสเซียจับมือแนบแน่นกับสาธารณรัฐประชาชนจีน
เมินการตัดความสัมพันธ์ด้านน้ำมัน-ก๊าซของสหรัฐฯ และนาโต้
จึงส่งแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาวสหรัฐฯ
และหลายประเทศในกลุ่มนาโต้ รวมถึงหลายประเทศโลก และส่งผลกระทบถึงประเทศไทยที่วางตัวเป็นกลางในห้วงเวลานี้ด้วย
จะเห็นได้ว่าราคาสินค้าในประเทศไทยกำลังดีดตัวสูงขึ้น ข้าวของ
เริ่มแพง ขณะที่รายได้ทรงตัวและดิ่งต่ำซ้ำเติมจากสถานการณ์
โควิด-๑๙ หากสงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้ออีกยาวนาน ภาวะ
ข้าวยากหมากแพงทุกหย่อมหญ้าจะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และสร้างปัญหาต่าง ๆ ติดตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้.

error: ขอสงวนสิทธิ์ ในการคัดลอกบทความ !!