แบบอย่าง‘ปารีณา’

จากกรณีเมื่อวันที่ ๗ เมษายนที่ผ่านมา น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ถูกศาลฎีกามีคำพิพากษาเพิกถอนสิทธิทางการเมืองกรณีถูกกล่าวหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติใน จ.ราชบุรี ๒๙ แปลง เนื้อที่กว่า ๕๐ ไร่ โดย น.ส.ปารีณามิใช่เกษตรกร มีทรัพย์สินกว่า ๑๖๓ ล้านบาท ขาดคุณสมบัติที่จะได้รับที่ดินแปลงปฏิรูป พฤติการณ์ น.ส.ปารีณาเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมและขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม ประกอบกับ น.ส.ปารีณาเป็น ส.ส.มาแล้ว ๔ สมัย ใช้เวลาทำงานส่วนใหญ่ในรัฐสภา จึงมิใช่เกษตรกรอาชีพ มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินของตัวเองหลายสิบแปลงและมีที่อยู่อาศัยคนละพื้นที่กับที่ดินพิพาทที่ถูกกล่าวหา การกระทำเป็นการเสื่อมเกียรติของการเป็น ส.ส. และมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง

แม้ก่อนหน้านี้ น.ส.ปารีณาจะส่งคืนที่ดินทั้งหมดให้แก่ทางราชการ ก็ไม่ทำให้การฝ่าฝืนจริยธรรมที่เกิดขึ้นแล้วไม่เกิดขึ้นได้ ศาลพิพากษาว่า น.ส.ปารีณาฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง มีคำสั่งให้ น.ส.ปารีณาพ้นจากตำแหน่งนับจากวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๔ ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ๑๐ ปี และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของตลอดไป มีผลให้ น.ส.ปารีณาไม่มีสิทธิ์รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.,ส.ว., ผู้บริหารท้องถิ่นและไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ อีกต่อไป คำพิพากษาให้มีผลทันที หลังทราบคำพิพากษา น.ส.ปารีณาเปิดเผยว่าน้อมรับคำพิพากษาแต่ยอมรับว่าตัวชาและไม่เหลืออะไรแล้ว

            กรณีที่เกิดขึ้นกับ น.ส.ปารีณาเป็นตัวอย่างหนึ่งของผู้กระทำผิดกฎหมายจะโดยรู้หรือไม่รู้ถึงการมีสิทธิครอบครองหรือไม่ก็ตาม เนื่องจากโดยหลักกฎหมายแล้ว บุคคลย่อมปฏิเสธว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้ ยิ่งบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็น ส.ส. เป็นตัวแทนประชาชนทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติมานานหลายสมัย ย่อมไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ อย่างไรก็ตามผลที่เกิดกับ น.ส.ปารีณาในครั้งนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงขบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำว่าไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ว่าผู้ถูกกล่าวหาจะสังกัดฟากรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน เมื่อถูกกล่าวหาย่อมต้องอยู่ภายใต้ครรลองของกฎหมาย หลังจากนี้ น.ส.ปารีณาจะถูกดำเนินคดีในทางอาญาหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าติดตาม

            อย่างไรก็ตาม กรณีในลักษณะเดียวกันที่กำลังถูกจับตามอง คือเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอนโฉนด น.ส.๓ ก. ในพื้นที่ อ.จอมบึง จ.ราชบุรี จำนวน ๕๙ ฉบับ เนื้อที่รวม ๒ พันไร่ โดยที่ดินดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตป่าไม้ถาวรป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี ต่อมาได้ประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติเมื่อปี ๒๕๒๗โดยผู้ครอบครองคือนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ เจ้าของบริษัทไทยซัมมิต จำกัด และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ รวมถึงที่ดินของ ส.ส.พรรคฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านอีกประมาณ ๖๐ – ๗๐ คน ที่ถูกกล่าวหาว่าครอบครองที่ดินรัฐไม่ชอบด้วยกฎหมายจะมีผลลงเอยเหมือนอย่างคดี น.ส.ปารีณาหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าติดตามยิ่ง.

error: ขอสงวนสิทธิ์ ในการคัดลอกบทความ !!