


สวัสดีค่ะ กลอนที่รัก วรรคที่ชอบ ฉบับนี้ขอเสนอการให้สัมภาษณ์รายการ Spirit of Asia ช่อง Thai PBS เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2564 ที่ทางชมรมนักกลอนได้รับการประสานงานจากคุณกัญญ์พิชญา ไฝศิริ เมเนนเดซ โดยมีคุณชินวัฒน์ ตั้งสุทธิจิต เป็นผู้สัมภาษณ์ ในส่วนของเรื่องนิราศเมืองเพชร ดิฉัน ในนามตัวแทนชมรม ฯ กล่าวถึงความชอบที่มีต่อนิราศเมืองเพชร ของท่านสุนทรภู่ แยกเป็นข้อ ๆ คือ
1. ชอบรสคำ รสความ สัมผัสสระและสัมผัสอักษรที่แพรวพราวรื่นหู
2. ชอบความกล้าหาญของกวีที่ใช้สระเสียงสั้นตลอดจนคำตาย
3. มุมมองของท่านสุนทรภู่ที่มีต่อคนเพชรบุรี
ในฉบับนี้ขอกล่าวต่อจากฉบับที่แล้ว คือ
4. สุนทรภู่เป็นกวีที่ใช้คำเปรียบเปรยได้อย่างดีวิเศษ เมื่อประกอบกับความที่สัมผัสใจแล้ว แม้งานของท่านเขียนมานานแล้วแต่ยังทันสมัย นำมาใช้ได้แม้จนบัดนี้ เช่น
อันคดอื่นหมื่นคดกำหนดแน่ เว้นเสียแต่ใจมนุษย์สุดกำหนด
ทั้งลวงล่องอเงี้ยวทั้งเลี้ยวลด ถึงคลองคดก็ยังไม่เหมือนใจคนฯ
(เขียนที่คลองสามสิบสอง)
ถึงบางบอนบอนที่นี่มีแต่ชื่อ เขาเลื่องลือบอนข้างบางยี่ขัน
อันบอนต้นบอนน้ำตาลย่อมหวานมัน แต่ปากคันแก้ไขมิใคร่ฟัง ฯ
(เขียนที่คลองบางบอน)
โอ้เทียนเอ๋ยเคยแจ้งแสงสว่าง มาหมองหมางมืดมิดตะขวิดตะเขวียน
เหมือนมืดในใจจนต้องวนเวียน ไม่ส่องเทียนให้สว่างหนทางเลย ฯ
(เขียนเมื่อถึงบางขุนเทียน)
5. มีคุณธรรมแฝงอยู่ในเนื้อหาหลายประการ อาทิ ความกตัญญู ความเมตตา ความปลง และเข้าใจเท่าทันในสรรพสิ่งที่ดำเนินไปตามธรรมชาติ แสดงให้เห็นถึงพื้นฐานจิตใจผู้เขียนว่ามีศีลธรรม เช่น
ช่วยชุบเลี้ยงเพียงชนกที่ปกเกศ ถึงต่างเขตของประสงค์คงอาสา
จึงจดหมายรายทางกลางคงคา แต่นาวาเลี้ยวล่องเข้าคลองน้อย ฯ
(ไปเพชรบุรีเพื่องานของนาย)
เวทนาวานรอ่อนน้อยน้อย กระจ้อยร่อยกระจิริดจิดจีดจิ๋ว
บ้างเกาะแม่แลโลดกระโดดปลิว ดูหอบหิ้วมิให้ถูกตัวลูกเลย ฯ
(เขียนเมื่อถึงย่านซื่อ)
6. ความช่างสังเกต สุนทรภู่เป็นกวีที่ช่างสังเกตสิ่งต่าง ๆ รอบตัว นำมาเขียนด้วยถ้อยคำในแบบของท่าน ในที่นี้จะยกมากล่าวถึงการสังเกตสัตว์น้ำ พืชริมน้ำ เฉพาะในนิราศเมืองเพชรเท่านั้น อาทิ
ที่ปากคลองกองฟืนไว้ดื่นดาษ ดูเกลื่อนกลาดเรียงรายทั้งซ้ายขวา
ถึงบางขวางข้างซ้ายชายชลา ไขคงคาขังน้ำไว้ทำเกลือ
หรือบ้านนี้ที่ว่าตำราร่ำ ช่างปั้นน้ำเป็นตัวน่ากลัวเหลือ ฯ
(เขียนเมื่อถึงบางขวาง)
ตะบูนต้นผลห้อยย้อยระย้า ดาษดาดังหนึ่งผูกด้วยลูกตุ้ม
เป็นคราบน้ำคร่ำคร่าแตกตารุม ดูกระปุ่มกระปิ่มตุ่มติ่มเต็ม ฯ
(เขียนเมื่อเห็นผลตะบูน)
เห็นปูเปี้ยวเที่ยวไต่กินไคลเค็ม บ้างเก็บเล็มลากก้ามครุ่มคร่ามครัน
โอ้เอ็นดูปูไม่มีซึ่งศีรษะ เท้าระกะก้อมโกงโม่งโค่งขัน
ไม่มีเลือดเชือดฉะปะแต่มัน เป็นเพศพันธุ์ไร้ผัวเพราะมัวเมา ฯ
ตลอดหลามตามตลิ่งล้วนลิงโลน อ้ายทโมนนำหน้าเที่ยวคว้าปู
ครั้นล้วงขุดสุดอย่างเอาหางยอน มันหนีบนอนร้องเกลือกเสือกหัวหู
เพื่อนเข้าคร่าหน้าหลังออกพรั่งพรู ลากเอาปูออกมาได้ไอ้กะโต
ทั้งหอยแครงแมงดามันหาคล่อง ฉีกกระดองกินไข่มิใช่โง่



การสนทนาวันนั้นไปจบลงที่วัดมหาธาตุวรวิหาร ตามนิราศของท่านสุนทรภู่ ที่ว่า
แล้วเลี้ยวลงตรงหน้าวัดพระธาตุ พอเดือนคลาดคล้อยจำรัสรัศมี
ดูพระปรางค์กลางอารามก็งามดี แต่ไม่มีเงาบ้างเป็นอย่างไร ฯ
สิ่งที่เป็นความภาคภูมิใจของคนเมืองเพชร ความรู้สึกชื่นชมในงานนิราศเมืองเพชร ที่ดิฉันได้กล่าวในวันนี้ อาจไม่ครอบคลุมทั้งหมด หากผู้สนใจสามารถอ่านได้ในนิราศเมืองเพชรฉบับเต็ม และขอจบ “กลอนที่รักฯ” ฉบับนี้ด้วยบทจบของกวีเอกว่า
จึงจดหมายรายความตามสังเกต ถิ่นประเทศแถวทางกลางวิถี
ให้อ่านเล่นเป็นเรื่องเมืองพริบพรี ผู้ใดมีคุณก็ได้ไปแทนคุณ
ทั้งผ้าหอมผ้าเหลืองได้เปลื้องห่ม พระประทมที่ลำเนาภูเขาขุน
กุศลนั้นบรรดาที่การุญ รับส่วนบุญเอาเถิดท่านที่อ่านเอย
ถ้าทราบ วัน เวลา ที่รายการจะถ่ายทอดออกอากาศ จะเรียนแจ้งท่านผู้อ่านนะคะ พบกันใหม่ฉบับหน้า สวัสดีค่ะ